พุฒิพงษ์ สั่งแจ้งความผู้ใช้โซเชียล 3 แสน URL ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

“พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดิจิทัลฯ มอบหมายปลัดกระทรวงแจ้งความผู้ใช้โซเชียลผิดกฎหมาย 3 แสน URL ขณะที่สื่อออนไลน์ที่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะตักเตือนก่อน และจะดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นมีประมาณ 2-3 ราย ที่ใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กออกอากาศ และเป็นสถานีข่าว

วันที่ 19 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ 4/2563 เรื่อง ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการ ที่มีเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ของสื่อ 4 แห่ง ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดตามและเฝ้าระวังการสื่อสารมาโดยตลอด

โดยเฉพาะช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งหากพบการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อีกทั้งขณะนี้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย จึงจำเป็นต้องเข้มงวด ตามการรายงานของ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มีความพยายามสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวันนี้ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงฯ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 14 – 18 ตุลาคม 2563 เบื้องต้นพบผู้กระทำผิดประมาณ 300,000 URL

โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีต่อไป พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ใช้สื่ออย่างระมัดระวัง เพราะในสถานการณ์ฉุกเฉินจะมีข้อจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะห้ามยุยง ปลุกปั่นและสร้างความแตกแยก ดังนั้นหากมีการกระทำที่เข่าข่ายก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ส่วนกรณีที่ตำรวจประสานงานให้ตรวจสอบและปิดเว็บไซต์ข่าว และช่องทางในการนัดหมายชุมนุม นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า ในการแจ้งความดำเนินคดี จะมีสำนักข่าวที่เข้าข่ายความผิดด้วย แต่จะถึงขั้นปิดหรือไม่ต้องตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งหากมีคำสั่งศาลให้ปิดก็จะประสานให้ปิดทันที ส่วนสื่อดิจิทัลก็จะประสาน กสทช.

ขณะที่สื่อออนไลน์ที่รายงานสถานการณ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็จะตักเตือนก่อน และจะดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นมีประมาณ 2-3 ราย ที่ใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กออกอากาศ และเป็นสถานีข่าว

อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงฯ จะเก็บรวบรวมหลักฐานผู้กระทำความผิด ส่วนจะใช้กฎหมายฉบับใดก็จะพิจารณาต่อไป ซึ่งหากเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป ส่วนที่เข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็จะดำเนินการทันที พร้อมยืนยันทำอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

นอกจากนี้ นายพุทธิพงษ์ ยอมรับว่า เอกสารคำสั่ง ผบ.ตร.ที่ให้ตรวจสอบสื่อเป็นของจริง แต่จะต้องดูว่าบังคับใช้กับใครบ้าง แต่ในส่วนของกระทรวงได้ติดตามทั้งสื่อและรายบุคคลอย่างระมัดระวัง และหากสิ่งใดไม่เข้าข่ายชัดเจน ก็ยังไม่ส่งดำเนินคดี ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลใช้อำนาจปิดกั้นประชาชน ก็ย้ำว่า ไม่ได้ดำเนินคดีกับทึกคน เพราะหากไม่เข้าข่ายความผิดหรือข้อกฏหมาย ก็ไม่ได้ดำเนินคดี ยืนยันไม่ได้ละเมิดสิทธิอย่างแน่นอน


ข้อมูล ข่าวสด