พร็อพเทคจุดขายใหม่บ้าน-คอนโดฯ “แสนสิริ” ควัก 100 ล้านบาท ทุ่ม R&D ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล เน้น “AI-IoT-Big Data” จับมือ “อะเมซอน-เดลิเทค” พัฒนา Sansiri AI Box ผู้ช่วยอัจฉริยะในบ้าน
นายทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองลูกค้าโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น โฮมเซอร์วิส แอปพลิเคชั่น มียอดผู้ใช้แอ็กทีฟกว่า 20,000 ราย และหุ่นยนต์น้องแสนดี เป็นต้น
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
ล่าสุดร่วมกับ Amazon Web Services นำเทคโนโลยี Artificial Intelligence solutions (AI) มาใช้ โดยมีบริษัทเดลิเทคร่วมพัฒนาจนเกิด “Sansiri AI Box” ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย โดย Sansiri AI Box รับคำสั่งพื้นฐาน เช่น ตรวจสอบยอดค่าน้ำ ตรวจเช็กพัสดุ การจองและตรวจสอบสถานะการใช้งานของห้องส่วนกลาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในโครงการ เช่น การเปิดจองบริการของห้องโยคะ เป็นต้น และสามารถเปิด-ปิดไฟเครื่องปรับอากาศ ม่านไฟฟ้า หรือเปิด-ปิดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ได้ด้วยเสียง และยังให้ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ได้ เช่น พยากรณ์อากาศ เช็กสภาพการจราจร สรุปข่าวรายวัน เป็นต้น
เบื้องต้นพร้อมใช้ในไตรมาส 2 ปี 2561 เนื่องจากต้องพัฒนาระบบให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง เช่น ระบบซีเคียวริตี้ เพื่อรองรับคำสั่งการชำระค่าสินค้าในอนาคต สำหรับกลุ่มที่จะได้ใช้ Sansiri AI Box จะเริ่มกับโครงการใหม่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับบี เช่น โครงการ the line ที่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าส่วนใหญ่มีความทันสมัยใช้เทคโนโลยีเป็น และยังติดตั้งอุปกรณ์ IoT ได้สะดวกกว่า โครงการเก่าอาจติดปัญหาฮาร์ดแวร์ไม่รองรับ แต่จะทยอยเปิดให้ใช้ โดยต้องลงทุนเพิ่มครอบคลุมทั้งบ้าน และคอนโดฯในโครงการแสนสิริให้เร็วที่สุด
และมีการเจรจากับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เนื่องจาก Sansiri AI Box ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทุกห้องต้องมี คาดว่าจะเห็นความร่วมมือในต้นปีหน้า
“เชื่อว่า Sansiri AI Box จะเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจของลูกค้า วัดจากเสียงตอบรับของลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้เยอะขึ้น และจากที่ประเมินการสั่งงานด้วยเสียงเป็นสิ่งที่ต้องการ”
นายทวิชากล่าวต่อว่า เงินลงทุนด้านพร็อพเทคของแสนสิริใช้ประมาณ 100 ล้านบาทในปีนี้ ทั้งทำ R&D และลงทุนในบริษัทอื่น ๆ โดยปลายปีนี้จะมีความชัดเจนว่าได้ลงทุนอะไรบ้าง คาดว่าปีหน้าจะใช้งบฯเพิ่มขึ้นอีก ส่วนการลงทุนในสิริ เวนเจอร์ จะเดินหน้าเต็มที่ เพราะเป็นตัวแทนในการหานวัตกรรมต่าง ๆ เช่น AI, IoT และในปลายปีจะมีพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย
สำหรับแผนระยะยาว จะเพิ่มฟีเจอร์ให้โฮมเซอร์วิส แอปพลิเคชั่นสามารถช็อปปิ้งออนไลน์ จองตั๋วเครื่องบิน/หนัง เรียกแท็กซี่ บริการส่งอาหาร สั่งงานได้เหมือนกับ Sansiri AI Box ดังนั้นแอปพลิเคชั่นจะมีไว้เพื่อสั่งงานจากภายนอก ส่วน Sansiri AI Box จะรับคำสั่งเสียงจากในบ้าน คาดว่าจะได้เห็นในปีหน้า
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการสร้าง innovation center เพื่อให้เป็นแหล่งแสดงผลงาน และเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยของแสนสิริโดยเฉพาะอีกด้วย
“การแข่งขันของตลาดตอนนี้เป็นผลดีต่อลูกค้า ผู้เล่นแต่ละรายมีกลยุทธ์ไม่เหมือนกัน แสนสิริเองให้ความสำคัญกับ Big Data, AI, IoT เนื่องจากมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน”
ด้าน นายชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย อะเมซอน เว็บเซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า องค์กรขนาดใหญ่ เช่น แบงก์ ไฟแนนซ์ รีเทล เทลโก้ รวมทั้งภาครัฐปรับตัวมาทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เนื่องจากเทคโนโลยีเริ่มเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และแสนสิริเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีแนวคิดทรานส์ฟอร์ม โดยนำ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานในหลากหลายรูปแบบออกมาเป็นข้อมูลดิจิทัล และใช้ความสามารถของระบบอัจฉริยะหรือ AI มาใช้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่รองรับคำสั่งภาษาไทย
นายวิชญ์ เนียรนาทตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเดลิเทค ผู้พัฒนาเทคโนโลยีบนระบบคลาวด์ เสริมว่า Sansiri AI Box สั่งงานภาษาไทยได้ โดยบริษัทพัฒนาความฉลาดให้การสั่งงานด้วยเสียงระหว่างมนุษย์และเอไอให้มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และเพื่อรองรับลูกบ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น Sansiri AI Box จึงใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้าสู่ระบบคลาวด์จึงไม่จำกัดการรองรับการใช้งานของลูกบ้านในอนาคต และมั่นใจได้ว่ามีความเสถียรทั้งเป็นแพลตฟอร์มเปิดพัฒนาและต่อยอดระบบหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ต่อเนื่อง