โควิดดันไฮสปีดเน็ตบ้านโตติดลม “เอไอเอสไฟเบอร์” ลุยชิงลูกค้าต่างจังหวัด

โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมคนใช้เน็ตบ้าน “เอไอเอส ไฟเบอร์” กางแผนปี’64 ขยายพื้นที่บริการเจาะระดับอำเภอพร้อมผนึกพันธมิตรเพิ่มช่องทางทำตลาด ตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งเพิ่มจาก 12% เป็น 14% ขึ้นแท่นเบอร์ 3

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคเปลี่ยนไป สะท้อนจากช่วงเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านที่เปลี่ยนไปจากเดิมนิยมใช้ช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ เปลี่ยนมาเป็นวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.

จากเดิมวันธรรมดาการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านจะอยู่ระหว่าง 20.00-24.00 น. ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 20-30% จากช่วงเวลาปกติ

อย่างไรก็ตาม อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีก จากปัจจุบัน 11 ล้านครัวเรือน จาก 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศหรือคิดเป็น 53.9% จากผู้เล่นรายหลัก 4 ราย คือ ทีโอที, ทรู, 3BB และเอไอเอส ไฟเบอร์

ทำให้การแข่งขันด้านราคารุนแรงเพื่อช่วงชิงฐานลูกค้า แต่เอไอเอส ไฟเบอร์ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3/2563 มีฐานลูกค้าเพิ่ม 4.4% จากไตรมาส 2 และเพิ่ม 34% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

“แม้โควิดจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ยังคงทำงานที่บ้าน ทำให้การใช้อินเทอร์เน็ตบ้านไม่ได้ลดลง และยังต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น และสปีดสูงในราคาที่เข้าถึงง่าย ส่งผลให้แผนงานในปีหน้าของเราจะมุ่งไปยังการขยายพื้นที่การให้บริการลงไปในระดับอำเภอมากขึ้นใน 77 จังหวัด”

นอกจากนี้ยังจะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น ทั้งในกลุ่ม telecom shop และ nontelecom เช่น เจมาร์ท, ทีจีโฟน, เพาเวอร์บาย, ท็อปส์ และไปรษณีย์ไทยเป็นต้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นและสะดวกขึ้น

ADVERTISMENT

นายกิตติกล่าวต่อว่า เอไอเอส ไฟเบอร์ยังเน้นการนำเสนอบริการและนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นจุดขายหลักที่ทำให้แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น ล่าสุดเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “BYOD Package” เมื่อต้นเดือน ธ.ค.

โดยเปิดให้อัพเกรดเราเตอร์ได้ ด้วยความเร็ว 500/500 Mbps พร้อม Data SIM 5GB ราคา 399 บาท/เดือน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 1.26 ล้านราย และในสิ้นปีน่าจะเพิ่มเป็น 1.35 ล้านรายได้ตามเป้าหมาย

ทั้งตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 12% เป็น 14% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดขยับจากอันดับ 4 ขึ้นเป็นอันดับ 3 ได้ภายในปีหน้า