
ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้แบรนด์ต่างๆก็ออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพมาเรียกความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะ กลุ่มสมาร์ทวอตช์ (Smart Watch) -สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ (Fitness Tracker) ที่บรรดาผู้ผลิตแต่ละรายต่างงัดรุ่นใหม่มาให้เลือกแบบไม่มีใครยอมใคร จนละลานตาแบบเลือกไม่ถูก พ่วงด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย น่าสนใจ ทั้ง แจ้งเตือนข่าวสาร ตรวจวัดชีพจร การเต้นของหัวใจ วัดความดัน วัดกิจกรรมขณะออกกำลังกาย จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น
ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวม สมาร์ทวอตช์ และ สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ ราคาต่ำ 10,000 บาท แต่ฟังก์ชั่นน่าคบที่เปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังของปี2563 มาให้พิจารณา เผื่อใครที่กำลังมองหา สมาร์ทวอตช์ หรือ สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพดีๆ สักเครื่องไว้เป็นของขวัญให้แก่ตัวเองและคนที่รัก
เริ่มที่ GARMIN ที่เปิดตัวรุ่น Venu Sq สมาร์ทวอตช์ GPS – Music Edition เมื่อเดือนกันยายนปี2563 โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับความโดดเด่น ด้วยหน้าจอสีสดใส ผสมผสานกับสไตล์การใช้งานแบบประจำวัน และที่จัดเก็บเพลงบนอุปกรณ์กับการติดตามสุขภาพและคุณสมบัติการออกกำลังกายที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ขนาดจอ 1.3 นิ้ว โหมดสมาร์ทวอตช์นาน 6 วัน กันน้ำ 50 เมตร วัดการเต้นของหัวใจได้ตลอดทั้งวันและระหว่างหลับ เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ การนับก้าว และยังช่วยคุณวางแผนออกกำลังกาย เช่น โยคะ ฝึกความแข็งแกร่ง คาร์ดิโอ ได้ด้วย วางขายในราคา 7,190 บาท
ส่วนเดือนธันวาคมปี2563 ที่ผ่านมา ก็มีหลายค่ายเปิดตัว ทั้ง Fitbit ที่เพิ่งเปิดตัว “Fitbit Versa 3” ในต่างประเทศเมื่อเดือนธันวาคมปี2563 โดยวางจำหน่ายในไทยราคาอยู่ที่ 9,190 บาท สำหรับความพิเศษของ Fitbit Versa 3 มาด้วยทรงสี่เหลี่ยมโค้งมนรอบด้าน หน้าจอแสดงผล AMOLED แบบสัมผัส ขนาด 1.5 นิ้ว วัสดุตัวเรือนเป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา มีสเต็ปการนับก้าวเดินในแต่ละวัน ประเมินการใช้พลังงานในแต่ละวันได้ พร้อมวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ Active Zone Minutes สำหรับการวางแผนออกกำลังกาย
ต่อด้วย Xioami ที่เพิ่งเปิดตัว Mi Watch รวม 2 รุ่นในไทยเช่นกัน โดย Mi Watch มาด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ครอบด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass 3 เพิ่มความทนทานต่อการขีดข่วน รองรับเมนู และการแจ้งเตือนภาษาระบบ HR Real-Time, SPO2, Stress Measure, Meditation (วัดลมหายใจ) GPS และเข็มทิศในตัว พร้อมโหมดออกกำลังกายให้เลือกถึง 117 โหมด และใช้งานได้ง่ายด้วยปุ่ม Sport ให้สามารถเลือกโหมดออกกำลังกายได้ตามต้องการ กันน้ำ 50 เมตร ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้สูงสุด 16 วัน น้ำหนักเพียง 32 กรัม วางราคา 3,490 บาท
ส่วน Xioami Watch lite รุ่นเล็กลงมาหน่อย ก็มาด้วยราคาเบาๆเพียง 1,490 บาท แต่ฟังก์ชั่นไม่เล็ก ด้วยจอสัมผัส 1.4 นิ้ว ความละเอียดระดับHD เปลี่ยนหน้าปัดได้ไม่ซ้ำกว่า 120 แบบ พร้อมโหมดออกกำลังกายถึง 11 โหมด ทั้งการออกกำลังกายกลางแจ้ง และในร่ม ใส่ว่ายน้ำได้ เพราะกันน้ำ 50 เมตร มี GPS ในตัว เซ็นเซอร์วัดชีพจรตลอด 24 ชม. พร้อมแจ้งเตือนได้หากหัวใจเต้นสูงผิดปกติ พร้อมฟีเจอร์ตรวจจับคุณภาพการนอน ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 9 วัน
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว Mi Band 5 ไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือกรกฎาคมปี2563 โดยราคาเบาๆ เพียง 1,190 บาท เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์แอ็คทีฟ ทั้งการออกกำลังกายในร่มและกลางแจ้ง มีโหมดออกกำลังกาย 11 แบบ เช่น โยคะ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำในสระ เดินเร็ว เป็นต้น พร้อมจอแสดงผล 1.1 นิ้ว ติดตามการนอนหลับ 24 ชั่วโมง มีระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 24 ชั่วโมง และใช้งานแบตเตอรี่ได้นานถึง 14 วัน
เช่นเดียวกับฟากฝั่ง Realme ก็ไม่มียอม โดยได้เปิดตัวสมาร์ทวอตช์เดือนธันวาคมปี2563 กับ Realme Watch S Pro ราคา 2,999 บาท หน้าจอสัมผัส 1.39 นิ้ว ปรับความสว่างอัตโนมัติ วัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดระดับออกซิเจนในเลือด แบตเตอรี่ใช้งานยาว 15 วัน มีโหมดกีฬาถึง 16 โหมด ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2563 ก็ได้เปิดตัว Realme Watch ไปแล้ว ในราคา 2,499 บาท โดยหน้าจอ1.4 นิ้ว วัดอัตราการเต้นหัวใจได้เเบบเรียลไทม์ สายนาฬิกาข้อมูลมีสีสันสดใส มี 2 ดีไซน์ 4 สี ให้แตกต่างไม่เหมือนใคร และมีโหมดบันทึกกิจกรรมออกกำลังกาย 14 โหมด มาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 กันละอองฝน น้ำหนัก 31กรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 7 วัน
ส่วน Huawei ก็เพิ่งลอนซ์ Huawei Watch Fit เมื่อเดือนสิงหาคมปี2563 ด้วยราคา 3,499 บาท มาพร้อมฟีเจอร์หลัก หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว ใช้งานต่อเนื่อง 10 วันสำหรับการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว กันน้ำ 50 เมตร และ HUAWEI WATCH GT 2e ราคา 4,990 บาท ฟีเจอร์หลัก หน้าจอ AMOLED HD ชิปเซ็ต Kirin A1 แบตเตอรี่ยาวนานเป็นพิเศษ หลังจากนั้นก็ลอนซ์ Huawei Watch GT2 Pro เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี2563 ที่มีหน้าปัดเป็นแซฟไฟร์ทนทาน ตัวเรือนทำจากไทเทเนียม น้ำหนักเบา บอดี้ด้านหลังทำจากเซรามิกเคลือบเงา แบตเตอรี่อยู่นานถึง 14 วัน ออกกำลังกายแบบมืออาชีพ มากกว่า 100 โหมด เช่น ปีนเขา พายเรือ เทนนิส เป็นต้น พร้อมตรวจคุณภาพการนอนหลับ ได้ถึง 6 รูปแบบตามหลักวิทยาศาสตร์ ในราคา 9,990 บาท
นอกจากนี้ Oppo ก็เปิดตัว Oppo Watch 46 ออกมาให้ได้ยลโฉมเมื่อเดือนสิงหาคมปี2563 เช่นกัน ในราคา 7,999 บาท หน้าจอกว้าง 1.9 นิ้ว โค้งมน Flexible Dual Curved จอ AMOLED แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 21 วัน ชาร์จไวเพียง 15 นาทีได้แบตเตอรี่ 46% และชาร์จ 75 นาทีได้แบตเตอรี่ 100% พร้อมประมวลผลอัตราการวิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน การเดิน และทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วยเซนเซอร์ประมวลผลการออกกำลังกายหลังนาฬิกามากถึง 5 ตัว กันน้ำได้ 50 เมตร ช่วยประเมินการนอนหลับได้อย่างละเอียด
ปิดท้ายด้วยค่าย Samsung โดยระดับราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ก็มีมาให้เลือกเช่นกัน คือ Galaxy fit2 ราคา 1,590 บาท ที่เปิดตัวช่วงเดือนตุลาคมปี2563 ด้วยขนาดหน้าจอกว้าง 1.1 นิ้ว ดีไซน์บาง เบา สวมใส่ได้สบายตลอดวัน มีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกกว่า 70 แบบ ตามสไตล์ที่คุณต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายด้วย 5 โหมด แบตเตอรี่นานถึง 21 วัน มีโหมดแจ้งเตือนการล้างมือ