มัดรวมสมาร์ทโฟน 5G สุดหรู ราคาครึ่งแสน

สมาร์ทโฟน

ตลาดสมาร์ทโฟน 5G ถือว่าคึกคักตั้งแต่ปลายปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 และเรียกได้ว่าเกือบทุกแบรนด์ต่างส่งสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ที่รองรับ 5G สเป็กแรง ฟีเจอร์ล้ำ ๆ ลงตลาดต่อเนื่อง

ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมสมาร์ทโฟน 5G สุดหรู ที่ระดับราคาเบาๆ ก็อยู่ที่ 2 หมื่นปลาย ๆ และสูงสุดแตะ 7 หมื่นบาท  มาเอาใจคนที่อยากได้สมาร์ทโฟน 5G ฟังก์ชั่นครบ ใช้แล้วดูแพงกัน

เริ่มที่แบรนด์ใหญ่จากค่ายเกาหลี “ซัมซุง” ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G น้องใหม่ในตระกูล “Galaxy S21” ไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มาด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ “Samsung Galaxy S21 5G”, “Samsung Galaxy S21+ 5G” และ “Samsung Galaxy S21 Ultra 5G”  ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมชิปเซตตัวใหม่ “Samsung Exynos 2100” ที่เร็วและแรงเทียบเท่า Snapdragon 888 จากค่าย Qualcomm  พร้อมรองรับการใช้งานปากกา S Pen และ S Pen Pro ด้วย

สำหรับ “Galaxy S21 5G” มาพร้อมหน้าจอ Dynamic Amoled 2X Infinity-O Full HD ขนาด 6.2 นิ้ว ปรับรีเฟรชเรตอัตโนมัติตามประเภทเนื้อหา แบตเตอรี่จุ 4,000 mAh กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 12 MP และกล้องไวด์ 12MP รองรับการซูมแบบออปติคอลได้ถึง 3 เท่า และถ่ายวิดีโอ 8K ส่วนกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 10MP นอกจากนี้ยังขนฟีเจอร์พิเศษสำหรับคนรักการถ่ายภาพมาเพียบ อาทิ

“Director’s View” ช่วยแสดงมุมก่อนถ่ายภาพจริง “Vlogger View” บันทึกภาพจากทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน พร้อมแสดงภาพตัวอย่างด้วย “Live Thumbnails” “Portrait Mode” กล้องที่มีระบบวิเคราะห์ 3 มิติ แยกวัตถุออกจากพื้นหลัง มีตัวเลือกสำหรับการจัดแสงในสตูดิโอเสมือนจริง และเอฟเฟ็กต์พื้นหลังจาก AI เพื่อให้วัตถุโดดเด่น ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท

ส่วน “Galaxy S21+ 5G” ต่างกับ “Samsung Galaxy  S21 5G” ตรงที่มีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 4,800 mAh ราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท และ “Samsung S21 Ultra 5G” ถูกออกแบบให้ทนทานด้วยหน้าจอกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus™  หน้าจอแสดงผล Dynamic Amoled 2X Quad HD+  ขนาด 6.8 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz ปรับตามเนื้อหาได้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh

กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักมีเซ็นเซอร์แบบโปรเวอร์ชั่นใหม่ขนาด 108MP  สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K  ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีเซ็นเซอร์ Bright Night เวอร์ชั่นใหม่ ลดจุดรบกวนของภาพ (Noise reduction) และเทคโนโลยี Nona-binning 12MP ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพภายในห้องที่มีแสงน้อย หรือถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท

ก่อนหน้านี้ ซัมซุง ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นเรือธงที่รองรับ 5G “Samsung Galaxy Fold 2 5G” มาเรียกเสียงจากลูกค้าระดับไฮเอนด์ไปเมื่อปลายปี 2563 หน้าจอพับได้ 3 ระดับ 75 องศา 90 องศา และ 115 องศา สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นสูงสุด 3 แอปพร้อมกัน หน้าจอกว้าง 7.6 นิ้วเมื่อกางออก กล้องเซลฟี่ขนาด 10MP 2 รู และมีโหมด “Dual Preview” เล็งมุมถ่ายภาพได้แบบเรียลไทม์ถ่ายภาพผ่านกล้องหลัก ความละเอียด 12MP ราคาอยู่ที่ 69,900 บาท

มาที่“หัวเว่ย” ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง “Huawei Mate 40 Pro 5G” มาเขย่าตลาด 5G ส่งท้ายปี 2563 มาพร้อมกับชิปเซต Kirin9000 และระบบประมวลผล 5G SoC ที่ทำให้สามารถประมวลผลได้เร็ว แรง และมีประสิทธิภาพ รองรับสัญญาณ 5G ทุกย่านความถี่ พร้อมใช้ระบบกล้องจาก “LEICA” แบรนด์กล้องสุดหรูจากเยอรมนี ให้กล้องเลนส์กว้างพิเศษเหมือนการถ่ายภาพยนตร์ ความละเอียด 50MP ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงระดับ 4K

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเลนส์ซูมที่สามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 50 เท่า มีโหมด Story Creator เอาใจสาว ๆ ที่ชอบถ่าย Vlog โดยเฉพาะ ราคา 34,990 บาท

ต่อด้วย “โมโตโรล่า” ปลุกตลาดสมาร์ทโฟนฝาพับให้คืนชีพอีกครั้ง กับการเปิดตัว “Motorola Razr 5G” สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นแรกจากโมโตโรล่าที่รองรับเครือข่าย 5G หน้าจอแสดงผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ 2 จอ ขนาด 6.2 นิ้ว มีหน้าจอสัมผัสด้านนอกขนาด 2.7 นิ้ว ให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการแจ้งเตือน โทร เข้า-ออก โดยไม่ต้องเปิดฝาพับ อีกทั้งยังสามารถพับครึ่งได้อย่างแนบสนิท รับกับฝ่ามือผู้ใช้ด้วย

ส่วนกล้องมีความละเอียด 48MP มาพร้อมกับระบบกันสั่น ฟีเจอร์ถ่ายภาพ AI อัจฉริยะ และสามารถถ่ายภาพขณะปิดฝาได้ ราคา 44,990 บาท

นอกจากนี้ยังมี “วัน พลัส” ที่มาพร้อมสมาร์ทโฟนตัวท็อป “One Plus 8 Pro” หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว พร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 865 กล้อง 4 ตัว กล้องหลักความละเอียด 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 48MP กว้าง 120 องศา และเป็นเลนส์แมโครในตัว กล้องเทเลโฟโต้ซูมออปติคอลได้ 3 เท่า และกล้องคัลเลอร์ฟิลเตอร์ ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 30 เท่า แบตเตอรี่ความจุ 4,510 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 30W และรองรับการชาร์จไร้สาย ราคา 31,990 บาท

ปิดท้ายที่สมาร์ทโฟนยอดฮิตจากแบรนด์ “แอปเปิล” ที่ได้เปิดตัว “iPhone 12 Series” ไปเมื่อปลายปี 2563 เรียกได้ว่าได้รับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ แบบถล่มทลาย ส่งให้ตลาดสมาร์ทโฟนปลายปี2563คึกคักขึ้นหลังจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลายโดยเปิดตัว 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งระดับราคาก็ขึ้นอยู่กับความจุของแต่ละรุ่น โดยราคาต่ำสุด “iPhone 12 mini” (64GB) ราคา 25,900 บาท ส่วนรุ่นที่ราคาสูงสุดจะเป็น “iPhone 12 Pro Max”(512 GB ) ราคา 51,900 บาท