คอลัมน์ Pawoot.com ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
เรื่องของ”บิทคอยน์”วันนี้ทำสถิติสูงมาก ทะลุล้านไปแล้ว Cryptocurrency เมื่อ 3 ปีก่อน ช่วงมีบิทคอยน์ใหม่ ๆ เหรียญหนึ่ง 3 แสนกว่าบาทถือว่าแพงมาก การซื้อขายอยู่ในวงจำกัดยังไม่มีกฎหมายรองรับ
จนปี 2018-2019 มีกฎหมาย cryptocurrency มีเหรียญสกุลอื่น เช่น Ethereum ของเมืองไทยก็มี OmiseGo, JFinCoin, ZCoin ฯลฯ
- ส่องพอร์ตหุ้นไทย “ดร.นิเวศน์-ครอบครัว” 5.6 พันล้าน ปี’66 ได้ปันผลกี่บาท
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- เปิดชื่อ ผบ.ตร. 7 คน เด้งเข้าทำเนียบ ด้วยอำนาจนายกรัฐมนตรี
ตอนนั้นเมืองไทย Exchange หรือเว็บตลาดกลางที่ให้คนมาเทรด มีไม่เยอะแต่ด้วยกระแสร้อนแรง cryptocurrencyหรือบิทคอยน์ทำให้นักธุรกิจหันมาเปิดตัวบริการcryptocurrency exchange
ที่เหมือนตลาดกลางให้คนเอาเหรียญดิจิทัลมาแลกกัน หลายคนลงทุนช่วงตลาดกำลังใกล้แตก จากนั้นก็เริ่มอิ่มตัวราคาเริ่มลดลง
เพื่อนผมหลายคนเอาไปลง digital money บางคนเปิดเหมืองดิจิทัลใช้เป็นร้อยล้าน บางคนซื้อบิทคอยน์เป็นหลักสิบล้าน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มล่มสลายประกอบกับภาครัฐเริ่มกังวล
เพราะเงินดิจิทัลไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างแบงค์ หลายคนกลัวธุรกิจสีเทาจะหันมาใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน กระทั่งแบงค์ชาติ และกระทรวงการคลังออกกฎหมายทำให้รัดกุมขึ้น ใครจะทำเหรียญต้องขออนุญาต ใครจะเป็นExchange ตัวกลางซื้อขายแลกเปลี่ยนต้องขอใบอนุญาต
การจะมีเหรียญดิจิทัลมีหลายวิธี วิธีแรก ลง App wallet ผมโอนตรงไปวอลเล็ทได้เลยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เป็นแบบ P2P บุคคลกับบุคคล แบบที่ 2 มีตัวกลาง
มี Exchange ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน แบบที่ 2 เหรียญเก็บไว้ที่ตลาดกลาง บางกลุ่มกังวลจึงเก็บเหรียญไว้เองเป็น Hardware Token เหมือน thumb drive วิธี คือโอนสกุลเงินที่เก็บไว้ใน thumb drive เหมือนเก็บในเซฟ
ที่ผ่านมาหลายธุรกิจโตมาก ธุรกิจแรกคือร้านคอมพิวเตอร์ คนที่เล่นพวกนี้มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกซื้อมาขายไป อีกกลุ่มใช้วิธีขุด มีคอมพิวเตอร์มาช่วยคำนวณเยอะจะได้เศษเหรียญบิทคอยน์เยอะ เกิดเป็นธุรกิจ
ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 4,000-3,000 เหรียญปลาย ๆ ราคาที่ดูตามเว็บ Exchange ประเทศไทยต้นปีเกือบ1.2 ล้านบาท ถ้ามาเล่น cryptocurrency ขึ้น 10-20% ต่อชั่วโมงเปิด 24 ชั่วโมง แต่ละแห่งในไทย เช่น Satang Pro, Bitkub ฯลฯ มีกำลังซื้อต่างกัน
ราคาเหรียญก็ต่างกันทำให้เกิดช่องว่างทำ Arbitrage เกิดส่วนต่าง การเข้าไปสมัครเหมือนเปิดพอร์ตหุ้น ซึ่งแบงค์ชาติค่อนข้างกังวลเลยมีกระบวนการยืนยันตัวตนหรือ e-KYC
เมื่อมีกฎหมายแล้วรายได้ที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายผ่านตลาดในตัวคริปโตต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้บุคคลธรรมดา ต้องเสียภาษี
เหรียญเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ผูกกับอะไรเลยขึ้นลงขึ้นอยู่กับดีมานด์ซัพพลาย ตอนหลังมีเหรียญประเภทใหม่ที่แปรผันน้อยกว่า เกิด Stable Coin ล่าสุดมีคนไทยเอาเหรียญไปผูกกับอัญมณีชื่อ “เจมบิท” ผมกับเพื่อนกำลังทำจะไปผูกกับทอง ชื่อ GASH (Gold+Cash) มีกฎหมายรองรับ มีใบอนุญาต
เด็กมหาลัยบางคนเริ่มเข้ามาเทรด ผมเห็นกราฟแล้วไม่กล้าแนะนำ แต่ถ้าต้องการเรียนรู้เข้าไปซื้อ 500-1,000 บาท คุณจะเข้าใจว่าโลกของเงินสกุลใหม่มาแล้ว มีกฎหมายรองรับ โอนเงินตัดบัญชีธนาคารได้เลยเขาจะตัดเงินไปเอาเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีไปซื้อเงินดิจิทัลนี้ได้