เอไอเอส ทุ่ม 2.5 หมื่นล้าน ขยาย 5G ต่อ โควิดทำรายได้ปี63 เหลือ 1.7 แสนล้าน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส)

เอไอเอส เปิดผลประกอบการปี63 รายได้รวมเหลือ 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน จากการแพร่ระบาดโควิด-19 นักท่องเที่ยวหาย กำลังซื้อในประเทศวูบ กระทบต่อรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขณะที่ปี64 ลุยลงทุนต่อไม่ต่ำกว่า 25,000-30,000 ล้านบาท เร่งขยายโครงข่าย5G

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ปี 2563 มีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4 % เมื่อเทียบกับปี2562 มีกำไรสุทธิ 28,423 ล้านบาทลดลง 8.9% เมื่อเทียบกับปี2562 ที่มีกำไรสุทธิ 31,190 ล้านบาท เนื่องจากการให้บริการหลักที่ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงการลดลงของกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยฐานลูกค้าระบบเติมเงินมีจำนวนลดลง 1.7 ล้านเลขหมาย ลดลง 5% เทียบกับปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของจำนวนลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยว ประกอบกับกระแสการย้ายบริการจากระบบเติมเงินไปยังระบบรายเดือนที่ยังมีต่อเนื่องอันเป็นผลจากแคมเปญส่วนลดเครื่องโทรศัพท์ ในขณะที่กระแสการย้ายบริการดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้ลูกค้าระบบรายเดือนเติบโตสูงถึง 12% เทียบกับปีก่อน โดยสิ้นปี2563 อยู่ที่ 41.4 ล้านเลขหมาย ลดลง1.4% จากปีก่อน แต่เอไอเอสยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดเชิงผู้ใช้บริการและเชิงรายได้อับดับ 1

อินเทอร์เน็ตบ้านโตสวนตลาด

ส่วนผู้ใช้บริการเอไอเอสไฟเบอร์ยังเติบโตต่อเนื่อง จากกระแสการทำงานที่บ้าน โดยสิ้นปี 2563 มีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิเพิ่มขึ้น 299,300 ราย รวมเป็นจำนวนผู้ใช้ทั้งสิ้น 1,336,900 ราย เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดที่เติบโตเฉลี่ย 10-12% อย่างไรก็ตามด้วยการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นตลอดทั้งปี โดยผู้ให้บริการต่างนำเสนอส่วนลดและแพ็กเกจในระดับราคาต่ำ ส่งผลให้ ARPU ลดลงเหลือ 476 บาท จาก 533 ในไตรมาส 4 ปี2562

“จากวิกฤตโควิด-19 ช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด ฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ และเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน เรายังเชื่อมั่นว่า โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ซึ่งปัจจุบัน เอไอเอส ถือครองคลื่นความถี่ ทั้ง 4G และ 5G มากที่สุด ครอบคลุมมากที่สุดในไทย จำนวน 1420MHz และภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะได้รับใบอนุญาตคลื่น 26GHz ครบทั้ง 3 ย่านความถี่ สูง กลาง และต่ำจะมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพของการขยายเครือข่าย 5G เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าคนไทย และผลักดันส่งเสริมให้เกิดการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม หลังจากช่วงที่ผ่านมา เราได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ใน ecosystem หลายราย เพื่อทดลองทดสอบการใช้งานในพื้นที่จริงมาแล้วอย่างต่อเนื่อง”

ทุ่ม 2.5 หมื่นล้านลงทุนขยายโครงข่าย5G

อย่างไรก็ตามการเติบโตของเศรษฐกิจปี2564 ยังคงมีความไม่แน่นอนจากการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ที่เริ่มในช่วงปลายปี2563 ในขณะที่ภาคธุรกิจยังคงไม่ฟื้นตัวสู่ระดับเดิมในช่วงก่อนการระบาดโควิด โดยคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่อ่อนตัวจากผลกระทบโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อและส่งผลต่อระดับรายได้ของภาคธุรกิจและการจ้างงานที่ลดลง รวมถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยยังขึ้นอยู่กับการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกดดันต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลักของบริษัท อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าระดับการแข่งขันในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงด้วยการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาสินค้าและบริการที่มีความคุ้มค่า เพื่อชดเชยกำลังซื้อที่อ่อนลง

ทั้งนี้เอไอเอสยังมุ่งเน้นในการสร้างความแตกต่างด้วยสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม อีกทั้งยังยกระดับประสิทธิภาพการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมทั้งการนำกระบวนการดิจิทัลมาปรับใช้ทั้งสำหรับกระบวนการภายในและสร้างช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับที่เหมาะสมและขยายการเติบโตในธุรกิจใหม่ โดยทิศทางธุรกิจปี2564 เอไอเอสจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 25,000-30,000 ล้านบาท เน้นไปที่การสร้างโครงข่ายเพื่อความเป็นผู้นำในบริการ 5G ยกระดับคุณภาพบริการ 4G ขยายบริการธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน และลงทุนในแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจดิจิทัลและบริการลูกค้าองค์กร โดยวางแผนขยายโครงข่าย 5G บนคลื่นความถี่ทั้งย่านต่ำและกลาง เพื่อให้บริการด้วยคุณภาพ