เอไอเอส ผนึก MSIG ผุดบริการ “ประกันขับดี” ติดอุปกรณ์ IOT พร้อมประมวลผลเบี้ยประกันตามการขับจริง ตั้งเป้าปีแรกโกยเบี้ยประกัน 160 ล้านบาท
นางสาวรพีพรรณ แนวบุญเนียร หัวหน้าส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ดิจิทัลมันนี่และประกันภัย เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสได้นำจุดแข็งด้านการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายพื้นฐานที่มีคลื่นความถี่ครอบคลุมทั่วประเทศ และนำดิจิทัลเพย์เมนต์แพลตฟอร์มของเอไอเอสเข้ามาสนับสนุนธุรกิจประกันภัย ล่าสุดร่วมกับบริษัทประกันภัย MSIG เปิดตัวบริการใหม่ ภายใต้ชื่อ “ประกันขับดี” ซึ่งเป็นบริการที่สอดรับกับพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ในปัจจุบันของผู้บริโภคไทย โดยเอไอเอสจะเข้าไปสนับสนุนด้านการติดตั้งอุปกรณ์ IOT บนรถ
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
พร้อมส่งสัญญาณด้วยเครือข่าย 4G เพื่อให้การประมวลผลเบี้ยประกันตามพฤติกรรมการใช้รถแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ด้วยการประเมินจาก 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ระยะทางความเร็วเฉลี่ย ระยะเวลาการขับขี่ ช่วงเวลาในการขับขี่ และพื้นที่ในการขับขี่ขณะเดียวกันผู้ใช้บริการสามารถจ่ายเบี้ยประกันผ่านบริการเพย์เมนต์ของ “mPay” ของเอไอเอสด้วย
นายรัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย หรือ MSIG กล่าวว่าธุรกิจประกันภัยรถยนต์ปี 2563 มีมูลค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท โต 1.4% จากปีก่อน เนื่องจากคนใช้รถน้อยลงจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้การเกิดอุบัติเหตุลดลง
ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้นล่าสุดได้เปิดบริการ “ประกันขับดี” ซึ่งเป็นบริการที่สอดรับกับพฤติกรรมการใช้รถจริง ผ่านโซลูชั่นที่มีชื่อว่า “MSIG Car Informatics” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตั้งบนรถ เพื่อเก็บพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับ ซึ่งจะต้องจ่ายเบี้ยประกัน 2 ส่วน คือ 1.ค่าเบี้ยประกันพื้นฐานรายปี โดยประกันภัยชั้น 1 เริ่มที่ 6,499 บาท ประกัน 2+ ราคา 3,299 บาท
และ 2.จ่ายคิดเบี้ยประกันตามการขับขี่จริง โดยจ่ายเป็นรายเดือน เช็กเบี้ยประกันได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่น “ประกันขับดี” ทั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะเปิดกรมธรรม์ได้ 20,000 กรมธรรม์ หรือคิดเป็นรายได้จากค่าเบี้ยประกันรวม 160 ล้านบาท
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของ คปภ. คือการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยให้ทรานส์ฟอร์มธุรกิจเข้าสู่ “อินชัวร์เทค” และส่งเสริมให้ไทยเป็น “อินชัวร์เทคฮับ” ที่มีความทันสมัย
โดยบริการ “ประกันขับดี” ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการธุรกิจประกันภัย ที่ตอบโจทย์การใช้รถของคนในปัจจุบัน