“บอนกุ” สตาร์ตอัพไทยชิงเค้กแอปเรียกรถ

“บอนกุ” ชิงตลาด 2.1 แสนล้านเบียดยักษ์ข้ามชาติเจาะคนไทย ชูมาตรฐาน “ราคา” ตอบโจทย์คนทำงาน ลุยขยายบริการ “เรียกแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์” ฝันใหญ่แอปอันดับ 1 ที่คนไทยเรียกใช้

ตลาดแอปพลิเคชั่น “เรียกรถ” กลายเป็นสมรภูมิที่มีแต่ผู้เล่นข้ามชาติแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นล่าสุดสตาร์ตอัพสัญชาติไทย “บอนกุ” (Bonku) เข้ามาชิงส่วนแบ่ง

นายไบรอัน ตริยถาวรวงศ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “บอนกุ”แอปพลิเคชั่นเรียกรถ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่ากูเกิล และเทมาเส็กคาดว่าในปี 2568 ธุรกิจแอปพลิเคชั่นเรียกรถในไทยจะมีมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่เมื่อโควิดระบาด กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้าหลักหายไปกว่า 80% อาจทำให้มูลค่าธุรกิจลดลง และในแง่การแข่งขันมีผู้เล่นรายใหญ่เป็นเจ้าตลาด เช่น แกร็บ หรือผู้ให้บริการจากยุโรป อย่าง “โบลต์” (Bolt)

สำหรับ “บอนกุ” ตั้งในปี 2563 เริ่มให้บริการครั้งแรกเดือน ก.ค.ปีเดียวกัน เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้ในฐานะสตาร์ตอัพไทยที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

ทั้งเรื่องการสร้างมาตรฐานด้านราคา บริการคุณภาพ และคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ มี 3 บริการ ได้แก่ บอนกุ บริการเรียกรถยนต์พื้นฐาน,Plush บริการรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม และ XL บริการรถสำหรับรองรับผู้โดยสารสูงสุด 6 คน ค่าบริการคำนวณจากระยะทางและเวลาที่ใช้

เริ่มต้นที่ 40 บาท ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ, นครปฐม, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ฐานลูกค้ากลุ่มหลัก คือ วัยทำงาน

นายไบรอันกล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจปี 2564 มีแผนขยายบริการใหม่ เริ่มจากในไตรมาส 1 มีบริการเรียก “รถแท็กซี่” และไตรมาส 2 มีบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์

“ความท้าทายคือ นอกจากมีคู่แข่งรายใหญ่แล้วยังพบว่าภาครัฐและหน่วยงานด้านการลงทุนไม่ค่อยให้การสนับสนุน นักลงทุนในไทยมักมาจากธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจเทคโนโลยีจึงต้องการลงทุนกับสตาร์ตอัพที่มีผลประโยชน์กับธุรกิจของตนเท่านั้น

ขณะที่ต่างประเทศนักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนในธุรกิจที่มีแนวคิดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย สนับสนุนให้ โกเจ็กเป็นแพลตฟอร์มเรียกรถระดับประเทศที่ถูกกฎหมาย กลายเป็นสตาร์ตอัพยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย”

นายไบรอันกล่าวว่า บริษัทเคร่งครัดในการคัดเลือกคนขับ และตรวจสอบประวัติ เช่น ประวัติอาชญากรรม ให้เข้าอบรมความปลอดภัย การให้บริการ การใช้แอปพลิเคชั่น การดูแลรถ

รวมถึงรักษาสิทธิส่วนบุคคลของผู้โดยสาร ตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ที่คนไทยเลือกใช้ ด้วยบริการที่ดีตอบโจทย์คนไทย ใช้ง่าย และให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนาแอป รวมถึงทำระบบขอความยินยอม และระบบหลังบ้านให้สอดรับ กม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล