คอลัมน์ Pawoot.com ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
บทความก่อน ผมพูดถึงว่า “คลับเฮาส์” เป็นปรากฏการณ์ไปแล้ว ทั้งเรื่องจุดเด่น และจุดด้อยในแง่ฟีเจอร์อาจไม่เยอะมาก ใช้ได้แค่เสียงแต่ไม่สามารถบันทึกได้ เพราะเป้าหมายของคนทำคลับเฮาส์บอกว่า อยากให้ได้อารมณ์เหมือนโมเมนต์ที่เรานั่งคุยกับเพื่อน
หากพลาดจะไม่ได้ฟังทำให้คนต้องเฝ้ารอว่าห้องนี้วันนี้จะมีคนมาคุยอะไร สิ่งที่เห็นในคลับเฮาส์ คือมีความหลากหลายของการพูดคุย เราสร้างห้องได้ 3 รูปแบบ คือ 1.ห้องระบบปิด เห็นได้เฉพาะคนที่เราเชิญ 2.ห้องที่เป็นโซเชียล เห็นได้เฉพาะคนที่ติดตามเรา 3.เปิดเป็นสาธารณะ ทุกคนเห็นได้หมดเลย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ที่ผ่านมามีกลุ่มคน กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มวงการอาชีพ เข้าไปพูดคุยกัน มีเสน่ห์ที่น่าสนใจ แต่ก็มีสิ่งที่น่าจะกังวลคือ การที่มีคนมาฟังและแชร์ข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้อง การเป็นแพลตฟอร์มเปิดเมื่อมาดูกฎหมายไทยแล้ว
อาจมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อยู่นอกเหนือกฎหมายจากต่างประเทศเข้ามาพูดคุยเข้ามาแชร์หรือบางหัวข้อที่ผมว่าเป็นเรื่องทั่วไป แต่พอปรับหรือมาแอปพลายกับกฎหมายก็อาจเป็นเรื่องที่มีความเป็นเทา ๆ
มีคนกังวลว่าอาจมีการนัดมาแทงหุ้น แทงพนันในคลับเฮาส์ได้หรือเปล่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้าง อีกทั้งการบล็อกเนื้อหายังไม่ได้มีระบบที่ชัดเจน เพราะเพิ่งเปิดมาไม่ถึงปี และมีพนักงานอยู่ไม่กี่สิบคน
ดังนั้นคนที่ฟังต้องใช้วิจารณญาณมาก แล้วถ้าเกิดเขาพูดไปในทางอื่นมันชักจูงคนได้
ตอนนี้มีบรรดานักการเมืองเข้าไปใช้เป็นเครื่องมือในการฟังเสียงประชาชน อันนี้เป็นแง่ดี ผมเห็นหลายท่านเข้าไปเช่น คุณหญิงสุดารัตน์ คุณธนาธร อาจารย์ปิยบุตร เริ่มใช้เป็นเครื่องมือในการที่จะฟังเสียงประชาชน
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนกังวลหากเปิดให้คนเข้ามาได้กว้างขึ้น เพราะทุกวันนี้ความน่าสนใจของคลับเฮาส์คือความ exclusive คือมีนักธุรกิจหรือคนบางคนที่เราไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังมาก่อน กลุ่มคนเหล่านี้เริ่มเข้ามาเยอะ
ฉะนั้นเมื่อเยอะมาก มีความหลากหลายขึ้น บางคนอาจมองว่าเยอะไป และจะทำให้คนกลุ่มที่เป็นครีม ๆ ที่เป็นตัวท็อปไม่อยากเข้ามา เมื่อเขาไม่อยากเข้ามา เสน่ห์ “คลับเฮาส์”ก็จะเริ่มลดลงไป
เท่าที่ผมสังเกต คลับเฮาส์เริ่มใช้เป็นเครื่องมือในการระดมสมอง พูดคุยอะไรต่าง ๆ ตรงนี้จะกระทบกับธุรกิจหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ธุรกิจเสวนา และการจัดสัมมนาต่าง ๆ
เพราะเดิมการจัดสัมมนา เอาสปีกเกอร์ไปพูดต้องไปตามโรงแรม แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นแล้ว ผมจะจัดเสวนาเรื่องใด ผมชวนคนบางคนอยู่อเมริกา บางคนอยู่ภาคใต้ ภาคเหนือ กดลิงก์ปุ๊บพูดคุยกันได้ และมีคนมานั่งฟังในห้องได้เลย
สิ่งที่เกิดขึ้น กระทบคือ หนึ่ง ธุรกิจสัมมนาเสวนา
สอง คือธุรกิจโรงแรม การจัดแคเทอริ่ง หรืออาจกระทบกับวิทยุ และพอดแคสต์ เพราะเมื่อเป็นเสียงและเป็นการจัดแบบเรียลไทม์ เนื้อหาน่าสนใจ ขณะที่วิทยุอาจเป็นแค่ทางเดียว ต่างจากในคลับเฮาส์ที่เป็นใครก็ได้เข้ามาแชร์มาเรื่องราวได้เลย ตามหัวข้อที่เราสนใจ
ในโลกการตลาด การทำธุรกิจ หรือโลกข้อมูลข่าวสารยุคต่อไป เป็นโลกของผู้ฟังที่เลือกได้ว่าอยากฟังเรื่องอะไร เพราะในคลับเฮาส์มีเป็นร้อย ๆ ห้องให้เลือกฟัง
เรียกได้ว่า ออนดีมานด์มาก ๆ เป็นจุดหนึ่งอาจจะทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ฟังมีตัวเลือกเยอะมาก
โดยส่วนตัวมองว่า “คลับเฮาส์” น่าจะถูกจริตคนไทย และเท่าที่เห็นผมว่าคือ หนึ่ง คนขับรถตอนนี้หันมาฟังคลับเฮาส์แทนการฟังวิทยุ หรือฟังพอดแคสต์ และสอง มีคนไทยบางกลุ่มชอบแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีพื้นที่
ฉะนั้น คลับเฮาส์มันค่อนข้างจะเหมาะให้คนไทยสามารถเปิดความคิด แนะนำเสนอความคิดต่าง ๆ ได้
และผมว่าเป็นโซเชียลมีเดียหนึ่งที่ให้เราเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความหลากหลายได้ด้วย
