อดีตผู้สมัคร กสทช. แนะสรรหาบอร์ดต้องโปร่งใส เร่งขับเคลื่อนประเทศต่อ

อดีตผู้สมัครกสทช. แนะ สรรหาบอร์ด กสทช.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้โปร่งใส เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางธุรกิจ พร้อมเร่งขับเคลื่อนประเทศต่อ

พล.ต.สุพิชาติ  เสนานุรักษ์ อดีตผู้สมัครเป็น กสทช. ด้านกฎหมาย ได้แสดงความคิดเห็นกรณีการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า  จากการดำเนินกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น กสทช.ของคณะกรรมการสรรหา กสทช.ทั้งในปี 2561 และปี 2563 นั้น

ปรากฏว่า การสรรหาดังกล่าวล้วนมีข้อครหาเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติ และการมีลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร เนื่องจากคณะกรรมการสรรหา กสทช. ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ ในเบื้องต้นไม่ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครให้เป็นไปตามมาตร 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเสียก่อน อันถือเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาที่ได้นำมาพิจารณาและให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่สมัครทุกคนโดยอาศัยหลักเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมาย และไม่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการสรรหา กสทช.กำหนดขึ้นเอง หรือใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจแต่อย่างใด

หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการสรรหา กสทช. คือต้องรับสมัครและคัดเลือกผู้สมัครจากบุคคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเท่านั้น ไม่ใช่ปล่อยให้คนที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม เข้าไปสู่กระบวนการสรรหาโดยไม่ได้มีการตรวจสอบกลั่นกรองก่อน

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาการดำเนินกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น กสทช.จากเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ย่อมจะแปลความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากหมายความว่า การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร เป็นหน้าที่โดยตรงของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาตรวจสอบกลั่นกรอง การจะโยนความรับผิดชอบไปให้เป็นหน้าที่ของวุฒิสภาในการเป็นผู้ตรวจสอบกลั่นกรองนั้น ย่อมไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้เนื่องจากตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดว่า ให้วุฒิสภาเลือกบุคคลจากบัญชีรายชื่อที่เลขาธิการวุฒิสภาเสนอโดยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติอื่นใด กำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่ต้องไปตรวจสอบประวัติบุคคลผู้สมัครแต่ประการใด

การที่คณะกรรมการสรรหา กสทช.ไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ย่อมถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามรูปแบบขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ก็คือเป็นการลัดขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติแล้วไม่ปฏิบัติ จึงส่งผลทำให้กระบวนการสรรหาในสองครั้งที่ผ่านมาในปี 2561และปี 2563 ไม่สมบูรณ์ ต้องเสียหายและสูญเปล่าทั้งโอกาสในทางธุรกิจและงบประมาณแผ่นดิน

โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าว ล้วนเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและมีเกีรยติ ซึ่งบุคคลทั่วไปได้ให้ความเชื่อถือและเชื่อมั่นว่าจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรมสูงกว่าปัจเจกบุคคล ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการในการคัดกรองบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น กสทช. ให้ได้คนดี คนเก่ง คนที่มีประวัติที่ใสสะอาด เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของสาธารณชน มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมที่จะทำประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

ด้วยเหตุนี้ จึงขออนุญาตหารือและเสนอแนะมายังท่านผู้ที่เกี่ยวข้องได้โปรดกรุณาให้คณะกรรมการสรรหา กสทช. และเลขาธิการวุฒิสภา ได้เป็นผู้ดําเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กสทช. ตามที่กฎหมายกําหนด โดยเทียบเคียงกับการสรรหาองค์กรอิสระอื่นๆ เช่น กกต. ปปช. หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น