เอไอเอส ชี้ โควิดระลอก3 สร้างผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม แนะ “รัฐบาล เอกชน ภาคประชาชน” ร่วมมือแข็งขัน ก้าวผ่านวิกฤต กระตุ้นรัฐบาลเร่งกระจาย ฉีดวัคซีนให้คนไทย หวังเปิดประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19ระยะที่3 ถือว่าสร้างผลกระทบให้แก่ทุกอุตสาหกรรมและส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศยังน่ากังวล ดังนั้น ต้องเร่งทำงานแบบ 3 ประสาน ได้แก่ รัฐบาล เอกชนและประชาชน ต้องร่วมมือกัน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไป โดยในส่วน รัฐบาล ต้องเร่งดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่ คือ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
1. การเตรียมความพร้อมในการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่คนไทย
2. การสร้างมาตรฐานการช่วยเหลือที่ยั่งยืน โดยจากนี้ไปต้องมีมาตรการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดอย่างชัดเจน มากกว่าการแจกเงินเยียวยาเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงการช่วยเหลือระยะสั้น ๆ เท่านั้น
“ขณะนี้ วัคซีน ถือเป็นคำตอบและทางออกที่ดีของประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเร่งกระจายวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศ ให้คนไทยได้รับวัคซีนตามหลักเกณฑ์ขององค์กรอนามัยโลก(WHO) เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกที่4หรือ ระลอกที่ 5และเดินหน้าสู่การเปิดประเทศให้เร็วที่สุด”
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชน ก็ต้องร่วมมือกันช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของรัฐ รวมถึงการผ่อนคลายกฎ กติกา และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถแข่งขันและเดินหน้าธุรกิจต่อได้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ในส่วนเอไอเอสได้เร่งสนับสนุนและช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีสื่อสารและดิจิทัลเซอร์วิสแก่กลุ่มสาธารณสุข ใน 4 มิติ ได้แก่
- โรงพยาบาลสนาม ติดตั้งเครือข่าย AIS 5G ,4G, Free Wifi ในโรงพยาบาลสนามหลักกว่า 31 แห่ง มากกว่า 10,000 เตียง ทั่วประเทศ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น เชื่อมต่อระบบ CCTV เพื่อเฝ้าระวังผู้ป่วย, การส่งต่อข้อมูลการแพทย์ ตลอดจนให้ผู้ป่วยที่กักตัวสามารถสื่อสาร ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวให้คลายความกังวล มีกำลังใจในการฟื้นฟูสุขภาพ
- การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เทคโนโลยีที่ช่วยลดภาระการทำงานของแพทย์และพยาบาล ในการติดต่อสื่อสาร กับผู้ป่วย ที่ช่วยลดการสัมผัส และลดความแออัด โดยเบื้องต้นได้ร่วมกับแอพพลิเคชั่น “Me -More” ให้บริการในโรงพยาบาลสนามในเครือกรุงเทพมหานคร
- 5G AI อัจฉริยะ เดินหน้าร่วมมือกับราชวิทยาลัย จุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลเครือข่าย คือ โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลร้อยเอ็ด และ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โดยการนำ AI CT Scan ปอด เข้ามาให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยจะช่วยวิเคราะห์รูปภาพทางการแพทย์เชิงปริมาณจากการตรวจวินิจฉัยทางเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ปอดของผู้ป่วย เพื่อวิเคราะห์ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) กับแพลตฟอร์มที่ได้รับการเทรนจากข้อมูลของผู้ป่วยจริงในประเทศจีน ซึ่งเป็นการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และ สามารถวิเคราะห์ผลได้ภายในเวลาเพียง 25 วินาทีต่อ 1 เคส
- อสม. AIS ยังคงเสริมขีดความสามารถของ อสม. อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมี อสม.มากกว่า 520,000 รายที่ใช้งาน แอพพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ ช่วยในการรายงาน การคัดกรอง เฝ้าระวัง รวมถึงติดตามผลในกลุ่มเสี่ยง รวมถึงสำรวจสุขภาพจิตจากความเครียดที่มาจากผลกระทบของ โควิด-19
นายสมชัย ย้ำว่า เอไอเอส ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ เรามีมาตรการรัดกุมขั้นสูงสุดในการบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อในการให้บริการลูกค้าและดูแลสังคมไปพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ