ธุรกิจสื่อสารประคองตัวฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ-กำลังซื้อทรุด

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

“เอไอเอส” ย้ำยึดแนวทาง 3 ประสาน “รัฐ-เอกชน-ประชาชน” รวมพลังฝ่าวิกฤต “โควิด” ระลอกใหม่ แนะเร่งกระจายวัคซีน-เปิดประเทศโดยเร็ว ระบุต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่มากกว่าแจกเงิน ชี้ “เวิร์กฟรอมโฮม-เรียนที่บ้าน” ดันยอดใช้ “มือถือ-เน็ตบ้าน” พุ่ง 30% แต่กำลังซื้อมีปัญหาดึงอุตฯโตแค่ 3-4% เดินหน้าลงทุนเสริมศักยภาพสาธารณสุขไทย ย้ำบิ๊กดีล“กัลฟ์” เทกโอเวอร์ “อินทัช”บริษัทแม่ ไม่กระทบการทำงาน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่กำลังเกิดขึ้นมีผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส

และต่อเนื่องถึงสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อโดยรวมของประเทศ ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดี ในแง่การใช้งานทั้งบริการใช้โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ตบ้าน น่าจะเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน เพราะผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานจากนโยบายเวิร์กฟรอมโฮมและเรียนที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรายได้ของผู้ประกอบการ คาดว่าจะไม่โตเหมือนจำนวนการใช้งาน เพราะกำลังซื้อมีปัญหา โดยสถาบันการเงินต่างคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะโต 2-3%จากปีก่อน อีกทั้งคาดด้วยว่าอุตฯโทรคมนาคมน่าจะโตเพียง 3-4%

“ยอดการใช้งานที่โตขึ้น จำนวนการลงทุนโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ส่งผลให้อุตฯโทรคมนาคมโตขึ้น เพราะผูกติดกับกำลังซื้อเป็นหลัก ถ้ากำลังซื้อลดลง การเติบโตก็จะลดลงด้วย”

สำหรับทิศทางลงทุนปีนี้ เอไอเอสยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยเตรียมงบประมาณโดยรวมไว้ 25,000-30,000 ล้านบาท สำหรับขยายเครือข่าย 5G/4G เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 2-5% จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท

นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณีบริษัทพลังงาน “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี” ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ซื้อหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ บริษัทแม่เอไอเอส รวมถึงใน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ด้วยว่า เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงระดับผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแนวทางการดำเนินงานของเอไอเอส

“การระบาดระลอกใหม่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นการระบาดรอบ 3 ที่มีความรุนแรงกว่าปีก่อน ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและพื้นที่การระบาด ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งทำงานสอดประสานกัน ทั้งรัฐบาลเอกชน และประชาชน เพื่อให้สามารถเดินหน้าฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้”

นายสมชัยกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1.เตรียมความพร้อมในการกระจายวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้คนไทยทั่วประเทศ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 หรือระลอกที่ 5 เดินหน้าสู่การเปิดประเทศให้เร็วที่สุด 2.การสร้างมาตรฐานการช่วยเหลือที่ยั่งยืน

โดยต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนมากกว่าการแจกเงินเยียวยาเหมือนที่ผ่านมา และภาคเอกชนต้องร่วมมือกันช่วยเหลือ และสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของรัฐ และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อได้ ส่วนภาคประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

สำหรับเอไอเอสเร่งสนับสนุนและช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีสื่อสาร และดิจิทัลเซอร์วิสกับกลุ่มสาธารณสุข ใน 4 มิติ ได้แก่ 1.โรงพยาบาลสนาม ด้วยการติดตั้งเครือข่าย 5G, 4G, free WiFi ในโรงพยาบาลสนามกว่า 31 แห่ง กว่า 10,000 เตียงทั่วประเทศ

2.การแพทย์ทางไกลด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดภาระการทำงานของแพทย์ และพยาบาล ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย ล่าสุดร่วมกับแอปพลิเคชั่น “Me-More” ให้บริการในโรงพยาบาลสนามในเครือกรุงเทพ


3.การใช้ 5G AI อัจฉริยะ โดยร่วมมือกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลเครือข่าย ได้แก่ รพ.น่าน ร้อยเอ็ด และเพชรบูรณ์ในการนำ AI CT scan ปอด เข้ามาให้บริการ และ 4.อสม. AIS เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีอสม.ที่เข้าร่วม 520,000 ราย จาก อสม.ทั่วประเทศที่มีกว่า 1 ล้านราย