“ชิปป๊อป” เกาะกระแสขาขึ้น “อีคอมเมิร์ซ” เพิ่มดีกรีขยายฐานลูกค้าจับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ตั้งเป้าโกยรายได้โต 40% เล็งเปิดระดมทุมซีรีส์บีอีก 500 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ เล็งหาเงินพัฒนาระบบบริหารจัดการอัพสปีดธุรกิจ
นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด ผู้ให้บริการระบบโลจิสติกส์ครบวงจร (e-Logistics) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ลดความร้อนแรงในแง่การแข่งขันด้านราคา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เพราะผู้ให้บริการแต่ละรายเริ่มหันไปมุ่งเน้นการสร้างผลกำไร ขณะที่ยอดการจัดส่งพัสดุต่าง ๆ เทียบกับช่วงที่มีการระบาดระลอกแรกเพิ่มขึ้นน้อยลง ส่วนหนึ่งอาจมาจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยที่มากขึ้นของผู้บริโภค
บริษัทจึงมีการทบทวนมาตรการการเฝ้าระวังโควิด-19 กับพาร์ตเนอร์อย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับการบริการให้มีมาตรฐานมากขึ้น
“ธุรกิจนี้มีความท้าทายมาก เพราะมีผู้เล่นในตลาดหลายราย ตั้งแต่ผู้เล่น
ระดับโลคอลมีมากกว่า 20 เจ้า ไปจนถึงยักษ์ใหญ่ที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ
ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้าหรือช้อปปี้ที่เริ่มเข้ามาบุกตลาดขนส่งจริงจัง โดยให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของตนเองเลือกใช้บริการขนส่งกับทางแพลตฟอร์มได้เลย”
สำหรับ “ชิปป๊อป” ได้มีการรวบรวมบริการจากโลจิสติกส์พาร์ตเนอร์กว่า 15 เจ้า อาทิ ไปรษณีย์ไทย, เคอรี่ฯ, เจแอนด์ทีฯ, แฟลช เอ็กซ์เพรส, นินจาแวน และเอสซีจี เอ็กซ์เพรส มาไว้ในระบบ
พร้อมมีบริการเปรียบเทียบราคาค่าขนส่งแต่ละเจ้าให้ลูกค้าเลือกใช้ได้ตามความต้องการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการส่งพัสดุครั้งละมาก ๆ ได้ รวมถึงมีบริการเก็บเงินปลายทางทำให้กลุ่มลูกค้าหลักเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการส่งสินค้าบิ๊กลอตตั้งแต่ 20 ชิ้นขึ้นไป
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดจัดส่งพัสดุผ่านระบบของบริษัทเพิ่มขึ้น 40% จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ มีรายได้รวม 396 ล้านบาท จาก 3 ส่วน ได้แก่ ค่าจัดส่งพัสดุ,
ค่าธรรมเนียม COD (บริการเก็บเงินปลายทาง) และค่าแฟรนไชส์ ซึ่งกลยุทธ์หลักของบริษัทในปีนี้ คือ การเร่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ปัจจุบันมีจุดรับฝากสินค้า หรือ “Shippop Shop” กว่า 950 สาขาทั่วประเทศ
“ก่อนหน้านี้เราตั้งเป้าว่าจะขยายจุดรับฝากให้ได้ถึง 8,000 สาขาทั่วประเทศ แต่ตอนนี้กลับมาคิดใหม่แล้วว่าการมีสาขามาก ๆ ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเสมอไป
แต่การมีบริการที่มีคุณภาพต่างหากที่จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการ อีกทั้งยังมีเครือข่ายในการจัดส่งพัสดุร่วม 5,000 คน โดยพัสดุที่จัดส่งหลัก ๆ จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค พวกอาหารเสริมและวิตามิน เป็นต้น”
นายสุทธิเกียรติกล่าวต่อว่า ทิศทางในปี 2564 ยังคงตั้งเป้าที่จะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีแผนที่จะเปิดระดมทุนในรอบ series B ให้ได้ภายในปีนี้ด้วย โดยตั้งเป้าการระดมทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท
เพื่อนำเงินมาพัฒนาโซลูชั่นสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในการช่วยเปรียบเทียบราคาค่าขนส่ง และมีระบบริหารจัดการที่จะทำให้การขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง