“เบลนเดต้า” ปั้น All-in-One แพลตฟอร์ม

เบลนเดต้า

จีเอเบิลชี้ปี’68 ธุรกิจบิ๊กดาต้าทั่วโลกโตทะลุ 7 ล้านล้านบาท หลังโควิดเร่งธุรกิจปรับตัว ดึงข้อมูลมาวิเคราะห์เพิ่มความแม่นยำในการวางแผนธุรกิจ

สบโอกาสเปิดตัวแพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูล “เบลนเดต้า” ชูจุดขายจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็ว-ลดต้นทุน เจาะองค์กรใหญ่ยันเอสเอ็มอี ตั้งเป้าโกอินเตอร์ภายใน 5 ปี

นายชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชั่นครบวงจร กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวตลอดเวลา ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนเร็วขึ้น

ส่งผลให้ธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนธุรกิจ โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 ตลาดบิ๊กดาต้า (big data) ทั่วโลกจะเติบโตถึง 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านบาท ขณะที่ในไทยคาดว่าจะโตเฉลี่ยปีละ 20%

อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถนำ “ข้อมูล” ที่มีมาใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ควร จากความซับซ้อนของข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล และต้นทุนสูง เนื่องจากต้องมีระบบจัดเก็บ มีคลังข้อมูลและบุคลากร

ซึ่งบางบริษัท โดยเฉพาะองค์กรขนาดเล็กไม่สามารถทำได้ จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น บริษัทจึงพัฒนาแพลตฟอร์ม ในชื่อเบลนเดต้า (BLENDATA) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบ all-in-one

โดยระบบออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการข้อมูล ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่ยุคของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven) ได้อย่างรวดเร็ว

นายชัยยุทธกล่าวถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทด้วยว่า จะเน้น 1.พัฒนาตนเองสู่การเป็น system integration plus plus ตามด้วย 2.บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในรูปแบบ transformation as a service เข้าไปช่วยลูกค้าทรานส์ฟอร์มองค์กร

ตั้งแต่ต้นจนจบ และ 3.own IP platformสร้างความแตกต่างและรายได้ระยะยาว ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นลิขสิทธิ์ของจีเอเบิล ซึ่งกลยุทธ์ที่ 2 และ 3 ถือเป็นคีย์สำคัญที่จะทำให้บริษัทต่อยอดสร้างรายได้ในระยะยาว

ด้านนายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเบลนเดต้า (BLENDATA) กล่าวว่า จุดเด่นของเบลนเดต้าอยู่ที่ความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าตัว

และช่วยประหยัดต้นทุนได้ดี ทั้งเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดที่เก็บข้อมูลในรูปแบบ open formats พร้อม API ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้

ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำกว่า 15 ราย จาก 11 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม การเงินการธนาคาร และอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น ทั้งมีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังธุรกิจขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น

ด้วยการวางกลยุทธ์ด้านราคาที่หลากหลาย สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ใช้เท่าไร จ่ายเท่านั้น” และวางเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีจากนี้ จะขยายบริการไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก