
วิกฤตโควิด-19 ที่ลากยาวมาปีกว่าถือเป็นโจทย์หินสำหรับทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวง “สตาร์ตอัพ” ที่มักจะมีเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงาน และการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เป็นคุณสมบัติเด่น แต่ก็ใช่ว่าจะรอดไปได้ มีไม่น้อยล้มหายไปในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงโครงการบ่มเพาะทั้งหลายก็ด้วย ปิดไปก็มาก
โดย “ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์” ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ภารกิจสนับสนุนดิจิทัลสตาร์ตอัพไทยของดีป้าคือ การปั้นตนเองให้เป็น angle investors ด้วยการให้เงินทุน 1 ล้านบาทกับสตาร์ตอัพระดับ idea stage และ 5 ล้านบาทสำหรับระดับ growth stage มีสตาร์ตอัพเข้าร่วมแล้ว 100 ราย และเปิดระดมทุนรอบซีรีส์ A ไปแล้ว 6 ราย
- ชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม.หย่าภรรยามาแล้ว 5 ปี มีทรัพย์สินลดลง 31 ล้าน
- หวั่นสงคราม “ชิป” ป่วนโลก “เสี่ยวหมี่” เล็งปักหมุดอีอีซี
- คนละครึ่งเฟส5 รับ 800 บาท ลงทะเบียน ยืนยันสิทธิวันไหน ช่องทางใด
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “dVenture” ร่วมกับพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนภาคการลงทุน เช่น ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์, อินทัช โฮลดิ้งส์, อินโนสเปซ และกรุงศรี ฟินโนเวต เป็นต้น เพื่อร่วมลงทุนในลักษณะ corporate venture capital (CVC) ระหว่างภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะมีสตาร์ตอัพเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 30 ราย พร้อมเปิดเวทีเสวนาให้เหล่านักลงทุนได้แลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนในสตาร์ตอัพไทยช่วงโควิด
ยุคทองสตาร์ตอัพเอเชีย
ด้าน นางสาวจันทนารักษ์ ถือแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ จํากัด กล่าวว่า สตาร์ตอัพในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเข้าสู่ยุคทอง เพราะนักลงทุนมองว่าภูมิภาคนี้กำลังโตอย่างก้าวกระโดดเหมือนประเทศจีนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และคาดว่าภายในปี 2572 จะมีสตาร์ตอัพยูนิคอร์นเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ไม่น้อยกว่า 20 บริษัท โดย 70% จะเป็นรีจินอลแพลตฟอร์ม 30% มาจากอินโดนีเซีย และคาดหวังว่าครึ่งหนึ่งจะมาจากไทย
“ประเทศไทยเพิ่งมียูนิคอร์นตัวแรกและยังมีหลายตัวที่จ่อเข้า IPO ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า อย่างเช่น โพเมโล่ (Pomelo-ร้านเสื้อผ้าออนไลน์) ก็มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็น่าจะทำให้วงการสตาร์ตอัพไทยสดใส และดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาในไทยมากขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจให้สตาร์ตอัพไทยพัฒนาตนเอง”
อย่างไรก็ตาม การระดมทุนในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 ทำได้ยากกว่าเดิม ดังนั้นสิ่งสำคัญคือสตาร์ตอัพต้องไม่ร้อนเงิน และรู้จุดประสงค์ในการระดมทุนของตนเอง โดยเลือกการระดมทุนแบบหุ้นกู้แปลงสภาพ และคุยกับนักลงทุนที่สนใจด้านเดียวกัน จะทำให้ง่ายต่อการปิดดีล
“เฮลท์เทค-อินชัวร์เทค” ดาวรุ่ง
ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักลงทุนมองหาสตาร์ตอัพที่เป็น STAR หรือสตาร์ตอัพที่กำลังจะกลายเป็นธุรกิจ S-curve ในอนาคต เช่น เฮลท์เทค, อินชัวร์เทค หรือEdTech เป็นต้น โดยสามารถปรับโมเดลธุรกิจให้มีความคล่องตัว รองรับกับความต้องการของตลาด รวมทั้งสามารถบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินและการขยายตลาดได้
สำหรับสตาร์ตอัพที่อินทัชมีความสนใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ ด้านเฮลท์แคร์เพื่อรับกับกระแสโควิดและสังคมผู้สูงวัย ถัดมาเป็นเรื่องไซเบอร์ซีเคียวริตี้และสมาร์ทซิตี้
“ในแง่ของการขยายธุรกิจสตาร์ตอัพต้องจับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถที่จะเสริมความแกร่ง และเติบโตไปในระดับ growth stage ได้รวดเร็วขึ้น”
ขณะที่ ดร.ต่อตระกูล วัฒนวรกิจกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สตาร์ตอัพยุคใหม่ต้องมีความอึด และมีโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นรับกับทุกวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
โดยผู้บริหารต้องมี growth mindset และหาจุดสมดุลระหว่าง “growth” (การเติบโต) กับ “survival” (การเอาตัวรอด) ให้เจอ ส่วนแผนการลงทุนของอินโนสเปซต่อจากนี้จะคำนึงถึง synergy value หรือการสร้างมูลค่าเพิ่มหลังการลงทุนเป็นสำคัญ และเน้นการลงทุนกับสตาร์ตอัพที่พัฒนาโซลูชั่นสอดคล้องกับวาระแห่งชาติ เช่น กลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ (BCG) ฟิวเจอร์ฟู้ด และดีปเทคอย่างบล็อกเชนและ AI เป็นต้น
แนะโฟกัสทีละอย่างทำให้ดีที่สุด
ด้าน นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้โครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพทั้งที่เป็น incubator และ accelerator ปิดตัวลงไปหลายราย แต่ก็ยังคงผู้ประกอบการเห็นสตาร์ตอัพจ่อเปิดระดมทุนในรอบซีรีส์ A, B และ C กันอย่างคึกคัก ซึ่งธุรกิจที่บริษัทสนใจลงทุนด้วยจะมีสองส่วนหลัก ๆ คือสตาร์ตอัพที่ทำเรื่องทรานส์ฟอร์เมชั่นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี SMEs จากกระแสอีคอมเมิร์ซ และสตาร์ตอัพเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนจากกระแสความสนใจเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล
ผู้บริหาร “กรุงศรีฟินโนเวต” ย้ำทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ถือเป็นอีกอุปสรรคของสตาร์ตอัพไทย คือ การโฟกัสในหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ทำให้ไปไม่สุดสักทาง จึงอยากแนะนำให้มุ่งโฟกัสเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วพัฒนาเรื่องนั้น ๆ ให้ดี หากทำได้การจะไปสู่การเป็นยูนิคอร์นอาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม