“ซัมซุง” เปิดตัวดีไวซ์เสริมองค์กร ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

ซัมซุงชี้ไฮบริดเวิร์กกิ้งแรงต่อเนื่อง แม้โควิดจะคลี่คลาย เผยแม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่องค์กรไม่ชะลอการลงทุนด้านเทคโนโลยี เร่งทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลมากขึ้น เปิดตัว “Samsung Galaxy XCover 5” เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร คาดสิ้นปีโต 15-20%

ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป โดยทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันแม้การแพร่ระบาดโควิด-19 จะคลี่คลายลง หรือหมดไป แต่เชื่อว่ากระแสการทำงานที่บ้านจะคงอยู่

โดยจะมีปรับเป็นรูปแบบของไฮบริดเวิร์กกิ้ง หรือการทำงานจากทั้งที่บ้านและที่สำนักงานมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการทำงานไฮบริดเวิร์กกิ้งก็มีประสิทธิภาพไม่แพ้กับการทำงานที่สำนักงาน

ซึ่งสอดรับกับผลสำรวจของ IDC ในเอเชีย-แปซิฟิก คาดการณ์ว่า จำนวนพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดเวิร์กกิ้งจะพุ่งสูงถึง 25% หลังจากที่การฉีดวัคซีนดำเนินการแล้วเสร็จจากเดิมที่มีเพียง 19% เท่านั้น

สำหรับเทรนด์การใช้งานโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สื่อสารปีนี้จะเปลี่ยนไป โดยฟังก์ชั่นต้องสอดรับกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปด้วย แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.อุปกรณ์ต้องเข้าถึงเน็ตเวิร์กได้จากทุกที่ทุกเวลา 2.ระดับความปลอดภัยต้องได้มาตรฐาน และ 3.ต้องสามารถเข้าจัดการระบบของอุปกรณ์ได้จากระยะไกล

ดร.มารุตกล่าวว่า ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้น ทำให้ปีที่ผ่านมาอุปกรณ์ดีไวซ์เติบโต 29% และปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 10% ในส่วนของซัมซุง ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของซัมซุง ประเทศไทย ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยแบ่งตามประเภทผลิตภัณฑ์ เป็นกลุ่ม rugged device ที่เพิ่มขึ้นถึง 65% และคาดว่าทั้งปีนี้ กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของซัมซุงจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 15-20% จากปีก่อน

ขณะเดียวกันปีนี้ ซัมซุงได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดยได้นำเสนอ “rugged device” รุ่นล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy XCover 5 ที่มาพร้อมสำหรับการทำงานในทุกสภาพแวดล้อม ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริดหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.3 นิ้ว รองรับการรับชมคมชัด ไวต่อการสัมผัส แบตเตอรี่จุ 3,000 mAh ที่ถอดเปลี่ยนได้ทำให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จาก Samsung Knox เพื่อการปกป้องข้อมูลสำคัญจากมัลแวร์ และการคุกคามที่เป็นอันตราย

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ไม่ได้ทำให้ลูกค้าองค์กรชะลอการลงทุน เพียงแต่จะซื้ออุปกรณ์ตามความจำเป็นและคำนึงถึงงบประมาณเป็นหลัก ส่วนองค์กรที่ยังไม่ทรานส์ฟอร์มก็จะเริ่มปรับมาสู่ดิจิทัลมากขึ้น โดยตลาดที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ รีเทลสถาบันการเงิน ส่วนภาคการศึกษาเริ่มปรับมาใช้แท็บเลตและสมาร์ทโฟนแทนการใช้แล็ปทอป เนื่องจากราคาถูก”

ดร.มารุตทิ้งท้ายว่า หาก 3 ปีข้างหน้าโควิด-19 คลี่คลายลง แทบทุกองค์กรในไทยจะปรับสู่ดิจิทัลแล้ว ซึ่งองค์กรก็จะโตขึ้นแบบก้าวกระโดด