“อาลีบาบา” New Retail “O2O” ทุบสถิติ 11.11 ช็อปออนไลน์

แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เหนือคาดหมายแต่อย่างใดกับความสำเร็จของมหกรรมช็อปปิ้งออนไลน์บันลือโลกที่ยักษ์อีคอมเมิร์ซโลก “อาลีบาบา” จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 9 แล้ว นับจากปี 2552 เป็นต้นมา ที่ขยายจากเทศกาลงานช็อปปิ้งออนไลน์ภายใน 1 วัน มาเป็น 24 วัน ให้สิ้นสุดในวันที่ 11 เดือน 11 (พฤจิกายน) ของทุกปี และปีนี้-2017 สามารถทำยอดขายรวมได้สูงถึง 25,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (168,200 ล้านหยวน) หรือกว่า 8 แสนล้านบาท

โดยภายใน 2 นาที 1 วินาที ทำยอดขายรวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญ เพิ่มเป็น 1.19 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ใน 2 ชั่วโมง และในชั่วโมงแรก มียอดประมวลผลคำสั่งซื้อผ่าน “อาลีบาบา คลาวด์” ถึง 325,000 ครั้ง/วินาที มียอดชำระเงินสูงสุด 256,000 ครั้ง/วินาที มีแบรนด์สินค้ากว่า 60 ราย ทำยอดขายสูงกว่า 15.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ แอปเปิล, เอสเต้ ลอเดอร์, แก๊ป, ลอรีอัล, ไนกี้, ซัมซุง, ยูนิโคล่,ซาร่า เป็นต้น จากกว่า 140,000 แบรนด์ สินค้ากว่า 15 ล้านรายกว่า

ไม่ใช่แค่ยอดขายที่สูงกว่าปีที่แล้ว 39% แต่การสั่งซื้อผ่านสมาร์ทโฟนยังเพิ่มขึ้นจาก 82% เป็น 90% ด้วย

สิ่งที่มากกว่าการทำลายสถิติปีที่แล้ว คือการตอกย้ำความสำเร็จในการผสมผสานธุรกิจค้าปลีกในโลกออฟไลน์และออนไลน์เป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ และเปลี่ยนผ่านธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมไปสู่ยุคใหม่ (new retail) กลยุทธ์ธุรกิจจากนี้ไปของ “อาลีบาบา” ด้วยการสร้างอีโคซิสเต็มที่เอื้อต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการมีระบบจัดเก็บ, ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์, ระบบการให้บริการ, การจัดส่งสินค้า, ระบบชำระเงิน, การตลาด และการบริหารจัดการลูกค้า เป็นต้น

อย่างที่รู้กันว่าการซื้อสินค้าออนไลน์ และชำระเงินผ่านโมบายเพย์เมนต์ในจีนได้รับความนิยมมาก อย่างที่เห็น “อาลีเพย์” ขยายมาในบ้านเราก็เพื่อตอบสนองความสะดวกให้ลูกค้าชาวจีน

ปัจจุบันการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 18% ของธุรกิจค้าปลีกโดยรวมในจีน และ new retail ของ “อาลีบาบา” คือการนำศักยภาพในเชิงข้อมูล และเทคโนโลยีที่มีเข้ามาปรับโฉมร้านค้าดั้งเดิมอีก 82% มาสู่ค้าปลีกยุคใหม่ เพื่อให้เจ้าของกิจการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภค

“เหอหม่า” เป็นตัวอย่างโมเดลค้าปลีกยุคใหม่ ปัจจุบันมี 20 แห่งทั่วประเทศจีน “อาลีบาบา” สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์ในการผสมผสานการช็อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ โดยรวมแพลตฟอร์มที่มีเข้าด้วยกัน ทั้งทีมอลล์, เถาเป่า, อาลีเพย์ และโลจิสติกส์ “ไช่เหนี่ยว”

ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับการช็อปปิ้งแบบทรีอินวัน ตั้งแต่ระบบจัดส่งสินค้าออนไลน์, การซื้อสินค้าในร้านปกติผ่านคิวอาร์โค้ด และการรับประทานในร้านได้ เรียกว่าเข้ามาที่ “เหอหม่า” ไม่ต้องพกเงินสด จ่ายผ่านโมบายแอป “เหอหม่า”, “เถาเป่า” หรือ “อาลีเพย์” ได้หมด

อยากได้อะไรก็เดินเลือกใส่ตะกร้าตามสะดวก เมื่อได้สินค้าครบแล้ว ก็นำสินค้าทุกชิ้นที่มีคิวอาร์โค้ดมาสแกนที่จุดชำระเงินเพื่อจ่ายผ่าน “แอป” ก่อนจ่ายมีระบบตรวจสอบตัวตนทั้งกรอกรหัส, สแกนนิ้ว หรือสแกนใบหน้าก็ได้ ไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย ถ้าไม่อยากมาที่ร้านก็สั่งซื้อออนไลน์แล้วรอรับของที่บ้าน (รัศมีการจัดส่ง 3 กิโลเมตร)

จุดเด่นของ “เหอหม่า” คือ จำหน่ายอาหารสด ตั้งแต่ผักผลไม้ไปจนถึงอาหารทะเล การันตีระยะเวลาด้วยว่าจะได้รับภายในครึ่งชั่วโมง และส่งฟรี เรียกว่า ทั้งเร็ว และถูกกว่า เพราะ “ทีมอลล์” สั่งซื้อสินค้าจำนวนมากจากผู้ผลิตโดยตรงทำให้สกำหนดราคาขายได้ถูกกว่า และในอนาคต “อาลีบาบา” จะนำประวัติการซื้อสินค้าของลูกค้าไปวิเคราะห์ต่อเพื่อพัฒนาการบริการแบบเฉพาะเจาะจงได้ด้วย


“แดเนียล จาง” ประธานกรรมการบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า อีคอมเมิร์ซในมุมมองของอาลีบาบา ไม่ใช่แค่การซื้อสินค้าออนไลน์ แต่เป็นกิจกรรมเพื่อความบันเทิง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค กลับมาที่มหกรรมช็อปปิ้ง 11.11

“ยอดขาย 2.5 หมื่นล้านเหรียญในวันเดียว มีความหมายมากกว่ายอดขายปกติ เพราะสะท้อนให้เห็นความสนใจสินค้าคุณภาพสูงในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน และการรวมกันของค้าปลีกในโลกออฟไลน์และออนไลน์”

11.11 โกลบอล ช็อปปิ้ง เฟสติวัล 2017 ถือเป็นความร่วมมือระดับโลก ครอบคลุมทั้งผู้บริโภค ผู้ค้าปลีก บริษัทโลจิสติกส์ สถาบันการเงิน ร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบแนวคิด new retail

โดย “อาลีบาบา” ทำหลายอย่างด้วยกัน ทั้งจับมือศูนย์การค้า 52 แห่ง สร้างพ็อปอัพสโตร์ 60 สาขาใน 12 เมืองทั่วประเทศจีน ให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์ช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ เช่น ลองลิปสติกด้วยเทคโนโลยี AR ในพ็อป อัพสโตร์เครื่องสำอางแบรนด์ดัง “ชิเซโด้”

และร่วมกับร้านค้ากว่าแสนแห่งใน 31 มณฑล และ 334 เมือง ยกระดับการให้บริการสู่ “ร้านค้าอัจฉริยะ” ที่มีการชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้า และช็อปปิ้งแบบ O2O (online to offline : O2O) รวมถึงร่วมกับสินค้าแบรนด์ดังกว่า 60,000 แบรนด์ เป็นต้น

ไม่เฉพาะแบรนด์ระดับโลก ในเว็บทีมอลล์ยังเปิดพื้นที่สำหรับแบรนด์จีน 100 ราย จำหน่ายสินค้าให้ลูกค้าจากทั่วโลก ระยะแรกเน้นตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการให้บริการจัดส่งฟรีให้ลูกค้าใน 10 ประเทศ เพื่อขยายการเข้าถึงตลาดต่างประเทศของสินค้าจีน

“คริส ถัง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด “อาลีบาบา กรุ๊ป” เสริมว่า ปีนี้ได้นำแพลตฟอร์มด้านสื่อและความบันเทิงมาผสมผสานการช็อปปิ้งออนไลน์เพื่อให้ผู้บริโภคได้สนุกไปกับการช็อปปิ้งได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในหลายรูปแบบ เช่น มีเกม AR “Catch the Cat” ในโมบายแอปเถาเป่า ดึงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ไปยังร้านค้าโดยให้ใช้สมาร์ทโฟนเล่นเกมจับแมว (มาสคอตทีมอลล์) หน้าร้านค้า ชิงโชครับส่วนลด และคูปอง สำหรับซื้อสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ก่อนถึงคืน 11.11 “อาลีบาบา” ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกจัดแฟชั่นโชว์ “Tmall Collection See Now, Buy Now” มาราธอนแฟชั่นโชว์ 4 ชั่วโมง ออกอากาศทางโทรทัศน์และเว็บไซต์ นำแพลตฟอร์มสื่อ และอีคอมเมิร์ซผสานเข้าด้วยกัน และเปิดให้ผู้ชมสั่งซื้อสินค้าที่เห็นอยู่บนทุกหน้าจอได้ ไม่ว่าจะชมรายการผ่านช่องทางใด

ความสำเร็จของ “11.11 โกลบอล ช็อปปิ้ง เฟสติวัล 2017” จึงไม่ใช่แค่มูลค่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 39%