โควิดไม่จบหั่นกำลังซื้อในประเทศ อินทัชปรับลดการเติบโตปี’64 

อินทัชปรับลดประมาณการณ์การเติบโตรายได้จากบริการหลักเป็นตัวเลขหลักเดียว หลังโควิดระลอก 3 ลากยาว หั่นกำลังซื้อในประเทศและนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง เผยรายได้รวมไตรมาส 2 ลดลง 15% จากส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศที่ลดลง

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 บริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ได้แจ้งผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ไตรมาส 2 ปี 2564 กลุ่มอินทัช มีรายได้รวม 3,816 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิรวม 2,790 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  

ขณะที่รายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน2564) มีมูลค่า 7,530 ล้านบาท ลดลง 9% มีกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาทเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเป็นผลจากการลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศ 

อย่างไรก็ตามในส่วนของผลกำไรจากเงินลงทุนในกลุ่มเอไอเอสในไตรมาส 2 ปีนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและจากไตรมาสที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการชะลอตัวของรายได้ แต่ก็มีการควบคุมต้นทุนที่ดี 

ขณะเดียวกันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของจีดีพีในปีนี้ เหลือเพียง1.3%จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโต 3% ซึ่งเป็นผลจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และความต้องการการใช้จ่ายในประเทศ โดยเฉพาะแรงงานในธุรกิจบริการและผู้ประกอบการอิสระ ซึ่งส่งผลบางส่วนต่อเอไอเอส เนื่องจากลูกค้าหลักของเอไอเอสคือผู้บริโภคภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวที่ชะลอการเดินทางออกไป ดังนั้น อินทัชจึงได้ปรับประมาณการณ์การเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลัก เป็นการเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวในระดับต่ำ