หัวเว่ย เปิดแผนรุกธุรกิจพลังงานดิจิทัล ดันไทยสู่ดิจิทัลฮับอาเซียน

Huawei หัวเว่ย
REUTERS/Aly Song/File Photo

หัวเว่ย ย้ำไทยเป็นประเทศสำคัญที่จะลงทุนต่อเนื่อง ทุ่มงบ 700 ล้านบาท ตั้งศูนย์หัวเว่ยคลาวด์แห่งที่ 3 ในไทย หวังดึงต่างชาติเข้ามาร่วมทุน เร่งเครื่องขยายธุรกิจพลังงานดิจิทัล ตั้งเป้าเป็นแรงสำคัญขับเคลื่อน GDP ประเทศ

วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นายเจย์ เฉิน รองประธานหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ “HUAWEI Meet the Press II” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดสองปีที่ผ่านมา ทำให้ทุกประเทศหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น จากรายงาน Global Connectivity Index ฉบับล่าสุดของหัวเว่ย เปิดเผยว่า ประเทศที่มีความพร้อมด้านไอทีมากกว่าประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยกว่าประเทศที่ไม่มีความพร้อม ดังนั้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและดิจิทัลจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศฟื้นตัวจากวิกฤต

ด้านนายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า หัวเว่ยจะลงทุนในไทยต่อเนื่อง 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยี 5G ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ พลังงานดิจิทัล และการพัฒนาทักษะดิจิทัล รวมถึงสนับสนุนธุรกิจไทย 3 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้บุคลากร การสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลในสตาร์ตอัพและ SMEs และกิจกรรมเพื่อสังคมรับกับสถานการณ์โควิด-19

อาเบล เติ้ง

โดยปีที่ผ่านมาหัวเว่ยได้ส่งมอบโซลูชั่น AI ให้กับภาคสาธารณสุขไทยอย่างโรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงพยาบาลศิริราช ส่งผลตรวจโควิด-19 ให้ถึงมือบุคลากรทางการแพทย์ภายใน 25 วินาที จับมือกับสำนักงาน กสทช. ทำโครงการรถยนต์ไร้คนขับขนส่งเวชภัณฑ์ เลี่ยงสัมผัสที่โรงพยาบาลศิริราช ทั้งยังสนับสนุนระบบโทรเวชกรรม 5G โซลูชั่นจัดการผู้ป่วยในพื้นที่ InPatient area Intelligent Management และโซลูชั่น eLTE broadband trunking มูลค่ารวม 6 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลสนามบางขุนเทียน และร่วมกับสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) บริจาคโซลูชั่นคลาวด์ให้แก่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์อีกด้วย

“ไทยเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ในภูมิภาค ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 5G แล้ว 2 ล้านคน โดยผู้ให้บริการจะต้องผลักดันให้อัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น หัวเว่ยจึงมุ่งมั่นขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 50,000 แห่งในพื้นที่ EEC เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน GDP ด้านดิจิทัลให้มีสัดส่วน 13% ของ GDP ทั้งประเทศตามที่ตั้งเป้าไว้”

หัวเว่ยยังลงทุนในโครงการ 5G EIC เพื่อพัฒนานวัตกรรม 5G สำหรับสตาร์ตอัพและ SMEs เป็นเงินกว่า 475 ล้านบาท และจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จัดงานประชุมสุดยอด 5G Summit ในไทยภายในปีนี้ เพื่อวางรากฐานให้แก่อุตสาหกรรมและอีโคซิสเต็ม 5G ในประเทศ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากดีป้าก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรด้าน 5G เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับนวัตกรรมและแอปพลิเคชั่น 5G ให้ภาคอุตสาหกรรม

นายอาเบล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจคลาวด์ หัวเว่ยจะลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลการให้บริการคลาวด์แห่งที่ 3 ในไทยร่วมกับพาร์ทเนอร์อีก 200 ราย ดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาในไทยเพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีมากขึ้น คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 200 ตำแหน่ง

ทั้งนี้หัวเว่ยยังพร้อมสนับสนุนให้ไทยกลายเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาคตามวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ จึงพัฒนาโครงการ Huawei ASEAN Academy ทุ่มงบลงทุน 180 ล้านบาทต่อเนื่องทุกปี ตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรด้านไอทีในไทยให้ได้รับทักษะในระดับโลกเป็นจำนวน 100,000 คนภายใน 5 ปี ซึ่งปัจจุบันมีบุคลากรเข้าร่วมแล้ว 16,500 คน

นอกจากนี้หัวเว่ยยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและพลังงานดิจิทัล ให้บริการครอบคลุม 170 ประเทศทั่วโลก ทำยอดขายได้มากกว่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการครอบคลุมประชาชน 1 ใน 3 ทั่วโลก โดยปีนี้หัวเว่ยตั้งเป้าจะขยายธุรกิจพลังงานดิจิทัลในไทยให้กว้างขึ้นด้วย โดยปัจจุบันมีลูกค้าองค์กรในไทยมากกว่า 1,000 ราย โดยกว่า 35 แห่งเลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ด้านพลังงานดิจิทัล และอีก 50 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าการขยายธุรกิจด้านพลังงานครั้งนี้จะช่วยสร้างงานทางอ้อมให้คนไทยได้เพิ่มขึ้นอีก 1,000 ตำแหน่งด้วย