“เจมาร์ท-บีทีเอสกรุ๊ป” พลิกเกม “ซินเนอร์ยี่” ปลดล็อกธุรกิจฝ่าโควิด

กลุ่มบีทีเอส ควัก 1.7 หมื่นล้าน ซื้อหุ้น 24.9%  ในเจมาร์ท และซิงเกอร์ เดินหน้าเร่งเกมซินเนอร์ยี่ธุรกิจในเครือ ผลักดันการเติบโตก้าวกระโดด 2 ซีอีโอ“อดิศักด์-กวิน” มั่นใจเป็นดีล “ซุปเปอร์ซินเนอร์ยี่แห่งปี”สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจปลดล็อกฐานเงินทุน

วันที่ 30 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าของวันนี้ผู้บริหารของกลุ่มเจมาร์ท และกลุ่มบีทีเอส นำโดยนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และนายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม BTS พร้อมทีมผู้บริหารของทั้งคู่ได้แถลงความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันผ่านระบบออนไลน์  โดยระบุว่า VGI และ U CITY ในเครือบีทีเอสจะเข้าไปลงทุนในบริษัทของกลุ่ม JMART เป็นเงิน 1.75 หมื่นล้านบาท  ซึ่ง U City จะถือหุ้น 24.9% ในบริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) รวมถึงถือหุ้น 24.9% ในบมจ.เจมาร์ท แบ่งเป็นการถือหุ้นโดย U City 9.9% และ VGI 15.0%  

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การร่วมเป็นพันธมิตรกับ VGI และ U City บริษัทในกลุ่มบีทีเอสในครั้งนี้เป็นการเติบโตครั้งสำคัญของกลุ่ม JMART เพราะเป็นการผนึกกำลังร่วมกับผู้นำที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้าน Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ ที่มีธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ผสานด้านความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น  และจะช่วยปลดล็อกฐานเงินทุน และสร้างการเติบโตผ่านซินเนอร์ยี่ร่วมกัน 

“ในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าในการใช้เงินผ่านการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ และลดต้นทุนทางการเงิน ทั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า JMART มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอที่จะสร้างประสิทธิภาพในการเติบโต แม้จะเจอสถานการณ์ที่ท้าทายจากการแพร่ระบาดของ COVID – 19  โดยปัจจุบันมูลค่ามาร์เก็ตแคปรวมของกลุ่มบริษัทมีกว่า 106,822 ล้านบาท คาดจะเติบโตไปกว่านี้ไม่น้อยกว่า 3 เท่า”

และการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของกลุ่ม JMART ด้วยต้นทุนการเงินที่ลดลงของ SINGER และ JMT จะสะท้อนกลับมาที่ JMART ในแง่ของกำไรที่โดดเด่น โดย JMART ตั้งเป้าภาพรวมกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 50% ต่อปี ต่อไปอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งยังไม่นับรวมการผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับ VGI และ U City ภายในเครือข่ายของกลุ่ม BTS

ด้านนายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม BTS กล่าวว่า VGI และ U City ลงทุนมูลค่ากว่า 1.75 หมื่นล้านบาทด้วยความตั้งใจร่วมเป็นพันธมิตรในระยะยาว เพื่อช่วยสร้างมูลค่าทางธุรกิจร่วมกัน และมองว่าความสามารถด้านฟินเทคของ JMART ร่วมกับการรวมระบบกระจายสินค้าและสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ เมื่อนำมารวมกับรวมเทคโนโลยีทางการเงิน และ Crypto Digital Token จะทำให้กลุ่ม BTS นำไปใช้สร้างประสบการณ์ใหม่และความสะดวกสบายให้ฐานลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี คาดว่าจะได้เห็นการขยายฐานลูกค้า การขยายผลิตภัณฑ์และบริการในเครือ JMART ร่วมกันไปสู่สินค้าสำหรับผู้บริโภค การประกันภัย รวมไปถึงเทคโนโลยีและการให้บริการ O2O โซลูชั่นส์ ของ VGI ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์

และในแง่ผลิตภัณฑ์ Jaymart Mobile จะสามารถนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มของ VGI ที่มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มจุดให้บริการ (Service Point) บนสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการใช้เครือข่ายสื่อโฆษณา และการขนส่งสินค้าผ่านบริษัทในกลุ่ม VGI ขณะที่ VGI ขยายช่องทางการจําหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Fanslink ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของกลุ่ม JMART มากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกผ่านการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offering: “RO”) และการเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: “PP”) จาก JMART SINGER และ JMT เพื่อใช้เป็นเงินอัดฉีดกระตุ้นการเติบโตของกลุ่ม JMART  โดย SINGER จะได้รับเงินจาก PP และ RO ทั้งสิ้น 1.06 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายฐานการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 

นอกจากนี้เงินดังกล่าวจะนำไปใช้สำหรับการจ่ายคืนหุ้นกู้ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย โดยในปี 2565 SINGER ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ด้าน JMT ประกาศเพิ่มทุนแบบ RO ระดมทุนกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท โดย JMT แถมแจกวอแรนท์สำหรับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มฐานทุนในการขยายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเติม ผลักดันเป็นเบอร์ 1 บริษัทบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศ