ดีอีเอส อวดโฉม ไทยแลนด์พาวิลเลี่ยน คาด 6 เดือน คนร่วมงานทะลุ 5 ล้าน

ดีป้าอวดโฉมไทยแลนด์พาวิลเลี่ยนในเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 คาด 6 เดือนผู้ร่วมชมไทยแลนด์พาวิลเลี่ยน ทะลุ 5 ล้านราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจทางตรงให้แก่เอกชนที่เข้าร่วมงาน กว่า 500 ล้านบาท

วันที่ 15 กันยายน 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส กล่าวว่า เป้าหมายการเข้าร่วมเวิล์ดเอ็กซ์โป 2020 ดูไบ เพื่อขยายเปิดตลาดการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทย

สำหรับงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ ถือเป็นมหกรรมที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของโลก มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมความคิด สร้างอนาคต: CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE” กับ 3 หัวข้อย่อยคือ โอกาส (Opportunity) การขับเคลื่อน (Mobility) ความยั่งยืน (Sustainability) 

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนประเทศไทยในการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) บนพื้นที่กว่า 3,600 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด Mobility for the Future นำเสนอแนวนโยบายการขับเคลื่อนประเทศ การพัฒนาศักยภาพของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่าง ๆ

รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานานาชาติ ทั้งด้านท่องเที่ยว การให้บริการสาธารณสุข การค้า และการลงทุน นอกเหนือไปจากวัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

เปิด 4 ห้อง โชว์ศักยภาพประเทศ

นางสาวอัจฉรา พัฒนพันธ์ชัย ปลัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เข้าร่วม World Expo 2020 Dubai จึงได้เร่งคิดและพัฒนาอาคารขึ้น

ภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) นำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนประเทศที่ร้อยเรียนเรื่องราวผ่านนิทรรศการทั้ง 4 ห้อง ดังนี้

ห้องที่ 1: Thai Mobility จัดแสดงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลองและราชรถจำลอง ให้ความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของคนไทยในอดีต

ห้องที่ 2: Mobility of Life นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน

ห้องที่ 3: Mobility of the Future นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน 360 องศา เพื่อแสดงภาพในอนาคตของประเทศไทยที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค 

ห้องที่ 4: Heart of Mobility นำเสนอภาพยนตร์สั้น บอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์ของประเทศไทยในหลากหลายมิติ ที่สร้างความประทับใจให้ชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมเยือน ทำธุรกิจ หรือใช้ชีวิตในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีส่วนของร้านอาหารไทยให้ผู้เข้าชมงานได้ส้มผัสอาหารไทยแท้ และร้านขายของที่ระลึกที่คัดสรรสินค้าดีมีคุณภาพจากประเทศไทย ขณะที่บริเวณด้านหน้าอาคารมีเวทีกิจกรรมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “Thai iconic: ความเป็นไทยสู่สายตานานาชาติ” และอาคารแสดงประเทศไทยยังมีนิทรรศการ และกิจกรรมพิเศษ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาหมุนเวียนมาร่วมจัดแสดงตลอด 6 เดือนที่มีการจัดแสดง

คาด 6 เดือน ยอดเข้าชมไทยแลนด์พาวิลเลี่ยน ทะลุ 5 ล้านคน

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ถือเป็นความท้าทายของการจัดงานในครั้งนี้ เนื่องจากผู้จัดงานได้เลื่อนการจัดงานออกมา 1 ปี ทำให้เราต้องใช้งบเพิ่มขึ้นในการดูแลรักษาอาคาร ขณะที่งบประมาณที่ได้รับจากรัฐยังคงเดิม ขณะเดียวกันดีป้าได้รับการสนับสนุนจากเอกชน  เช่น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจ TCP โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) Sea ประเทศไทย ไทยฮับ โดยบริษัท ดีวี 8 จำกัด (มหาชน)บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นต้น เพื่อให้การจัดงานยังคงดำเนินต่อ 

สำหรับการคาดการณ์ผู้เข้าร่วมงานนั้น เบื้องต้นทางผู้จัดงาน ประเมินว่า ตลอด 6 เดือนนี้จะมีผู้เข้าร่วมงาน  World Expo 2020 Dubai ทั้งสิ้น 15 ล้านคน โดย ดีป้า คาดว่าจะมีผู้เข้าชมไทยแลนด์พาวิลเลี่ยนประมาณ 30% ของผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด หรือ คิดเป็น 5 ล้านคน 

นอกจากนี้คาดว่าระหว่างการจัดงานจะเกิดการเจรจาธุรกิจของภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานโดยคาดว่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท