เงินบาทอ่อน ดันต้นทุนสินค้าไอที-ไอโฟน 13 พุ่ง

เงินบาทอ่อน ดันไอโฟน 13 ราคาพุ่ง
REUTERS/Carlos Garcia Rawlins

เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง กระทบผู้นำเข้า โดยเฉพาะสินค้าไอที ซึ่งเผชิญปัญหาชิปขาดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ “ซินเน็ค” เผยไอโฟน 13 ราคาปรับเพิ่มขึ้น 2,000-3,000 บาท

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 นางสาวกฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบการเคลื่อนไหววันนี้คาดการณ์แนวรับที่ 32.75 บาท แนวต้านที่ 32.88 บาท

โดยมีปัจจัยจากการที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจปรับลดงบฯความปลอดภัยสังคมลงจาก 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.9-2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นายชาร์ล อีวานส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ระบุว่าการลดคิวอีอาจสิ้นสุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า

ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง จะกระทบกับผู้ที่นำเข้าที่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่แพงขึ้น และจะส่งผลทำให้ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย

ส่วนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะเป็น cost put ที่ส่งผลกระทบทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และกระทบต่อต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ผู้ประกอบการเจอกับปัญหาด้านซัพพลายอยู่แล้ว ทั้งกรณีชิปคอมพิวเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน

นายปิยะสิทธิ์ ทองหยวก ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์มือถือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอที เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้ต้นทุนสินค้าไอที และสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสินค้าไอทียังต้องเผชิญกับปัญหาชิปขาด ทำให้ราคาสินค้ารุ่นใหม่ทั้งโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ส่งผลกระทบถึงยอดขายแต่อย่างใด เพราะอยู่ในสภาวะสินค้าไม่พอขาย

ขณะที่ผู้บริโภคก็ไม่ได้รู้สึกว่าสินค้าราคาสูงขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้ารุ่นใหม่ ยกตัวอย่าง ราคาสมาร์ทโฟน ไอโฟน 13 หากเทียบกับไอโฟน 12 จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งตอบยากว่า แอปเปิลปรับขึ้นราคาจากปัญหาค่าเงิน หรือกรณีชิป นอกจากนี้ ราคาที่สูงขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อยอดจองไอโฟน 13 ที่ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง