Metaverse โลกเสมือนใบใหม่ ของ Facebook

คอลัมน์ Pawoot.com
Pawoot.com
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

โดยส่วนตัวผมค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของเฟซบุ๊กที่จะพาคนก้าวไปสู่โลกใหม่พูดง่าย ๆ metaverse คือ interface แบบใหม่

เมื่อก่อนเราเคยใช้ตาดูใช้มือสัมผัสกดปุ่มต่าง ๆ แต่ metaverse คือ สัมผัสใหม่ทั้งหมด เรากำลังจะเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งนั่นเอง

“เฟซบุ๊ก” กำลังสร้างโลกใหม่ขึ้นมาทั้งใบ โดยเฟซบุ๊กเป็นเจ้าของโลกนั้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของโลกเอาไว้ และเปิดโอกาสให้นักพัฒนาต่าง ๆ

เข้าไปต่อเติมไปสร้างแอปพลิเคชั่น หรือบริการต่าง ๆ บนโลกใบนั้น แล้วปล่อยให้คนเข้าไปใช้บริการต่าง ๆ ในโลกใบนั้นได้เลย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการค้า การออกกำลังกาย เล่นเกม ฯลฯ ทุกอย่างจะเป็นอีกโลก ซึ่งเท่าที่ดูจะเห็นว่าเขามีข้อมูล

และเตรียมอะไรหลายอย่างไว้น่าสนใจมากทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นทำก็คงมีคำถามหรือข้อสงสัย แต่พอเป็นเฟซบุ๊กถือว่ามีโอกาสมากที่จะพาคนทั้งโลกเข้าสู่โลกใหม่ได้จริง

metaverse ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีหลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มีคำว่า “โลกเสมือน” 1.คือ virtual reality หรือ VR เหมือนที่เราใส่แว่นตาแล้วเข้าไปอีกโลก ทุกอย่างที่ตาเราเห็นเหมือนกับโลกใหม่อีกโลก

2.มันจะผสมกับอีกอย่าง คือ augmented reality หรือ AR การผสมผสานกับโลกเดิม เหมือนเราเอามือถือไปส่องจะเจอบางอย่างลอยอยู่ คือการผสมผสานโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนผสานอยู่ด้วยกัน

หรือบางคนเรียกว่าเป็น mix reality จริง ๆการทำบริการลักษณะนี้ ไม่ใช่เป็นครั้งแรกทางฝั่ง Google เคยมีบริการที่เป็นโลก3 มิติ หากเข้าไปใน YouTube แล้วมีแว่นตา 3 มิติที่เรียกว่า Google Cardboard

เป็นแว่นตาที่เป็นเหมือนกล่องกระดาษ เราสามารถดูวิดีโอที่เป็น 360องศาได้ หรือลองเสิร์ชว่า 360 ใน YouTube จะมีวิดีโอที่รองรับการทำลักษณะ VR อยู่มากแล้ว

เช่นกันกับโลกของ AR ทาง Microsoft เองก็มีผลิตภัณฑ์อีกตัวชื่อMicrosoft HoloLens เมื่อเราใส่แล้วเราจะเห็นอีกโลกที่ทะลุผ่านหน้าจอของ HoloLens ออกไป

แต่ยังมีภาพโลกของความเป็นจริงอยู่ เช่น เราอาจมองเห็นโต๊ะกินข้าว แต่จะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ลอยขึ้นมาบนโต๊ะกินข้าวด้วย

ฉะนั้น ในโลกของ virtual reality ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลาย ๆ บริษัทเทคโนโลยีทำกันมานานแล้ว แต่ยังอยู่ในวงแคบ ๆ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์อย่าง HTC ทำแว่นตาในลักษณะ virtualreality ออกมาหลายปีแล้ว

แต่ราคาหลายหมื่นบาท ผมว่าจุดอ่อนของเทคโนโลยีที่เป็น virtual reality หรือ metaverse ก็ตาม จะเป็นเรื่องของราคากล้องของแว่นตาที่จะสวมเข้าไป

เมื่อเฟซบุ๊กลงทุนเปลี่ยนชื่อบริษัท และเอาผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของตนกระโดดเข้าสู่โลกเสมือนจริง ผมเชื่อว่าเฟซบุ๊กจะเชื้อเชิญผู้ผลิตสินค้าหลาย ๆ ตัวกระโดดเข้ามาร่วมในโลกที่เฟซบุ๊กกำลังสร้างได้ ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง

ปัญหาของแว่นตา VR อีกอย่างหนึ่ง คือ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีน้ำหนัก เทอะทะใส่นาน ๆ ไม่ได้ แต่เท่าที่ดูจากเดโม เชื่อว่าเทคโนโลยีต่อไปจะทำให้แว่นตาพวกนี้เป็นแบบแว่นตาปกติ ต่อไปอาจไม่ใช่แค่แว่นตา แต่จะกลายเป็นคอนแท็กต์เลนส์

ผมดูหนังไซไฟหลายเรื่องที่พูดถึงว่าต่อไปอนาคตคนเราจะใส่เป็นคอนแท็กต์เลนส์แล้วเป็นแบบมีทุกอย่างบนหน้าจอคอนแท็กต์เลนส์นั้น เช่น เรากำลังขับรถอยู่แล้วมี Google Map ขึ้นมาบนหน้าจอคอนแท็กต์เลนส์หรือบนตาเราได้เลย ตอนนี้ Google เองก็เริ่มค้นคว้าตัวคอนแท็กต์เลนส์ที่มีหน้าจอเป็นลักษณะนี้อยู่

เรื่องเหล่านี้ไม่ไกลตัวอีกแล้ว ผมเชื่อว่าคือการต่อยอดของเทคโนโลยีของเฟซบุ๊กที่มี แต่เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเลย อย่าง Instagram, WhatsApp เป็นการใช้ประสบการณ์บนมือถือ

แต่ Oculus เป็นบริษัทที่ทำเรื่อง virtual reality ที่เฟซบุ๊กซื้อมานานแล้ว และตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทถึงขนาดเปลี่ยนชื่อเป็น virtual reality มันคือความเอาจริงเอาจังของเขา

ในอนาคตถ้าเขาทำ take off ได้ ก็มีโอกาสที่พวกเราจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี metaverse เร็ว ๆ นี้ หรือใครที่เคยได้ดูหนังเรื่อง Ready Player One นั่นคือ metaverse ล้วน ๆ เลยครับ

ดูแล้วคุณจะเข้าใจวิสัยทัศน์ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ลองไปดูแล้วจะพบว่ามันใกล้ตัวเรามาก และสามารถเกิดขึ้นได้จริง