ค้าปลีกไอทีเร่งแก้เกมโควิด อัพสาขานอกห้างลุยไอโอที

ค้าปลีกไอที

ค้าปลีกไอที เเก้เกมโควิดลากยาว ไอทีซิตี้ เร่งเปิดสาขานอกห้างเพิ่ม 10-15 สาขา เติมสินค้าไลฟ์สไตล์ ฟากคอม 7 ลุยขยายสแตนด์อะโลนโฉมใหม่ พื้นที่ใหญ่ พร้อมเข้าบริหารพื้นที่ขาย “เพาเวอร์วัน” ในอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ ปูทางสร้างการเติบโตปีหน้า

นายโสภณ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอทีซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับตัวต่อเนื่อง ทั้งการเปิดสาขาชั่วคราวนอกห้าง (pop up store) การเปิดร้านหน้าบนอีมาร์เก็ตเพลซเพิ่มขึ้น

และแม้สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะคลี่คลายขึ้น แต่แผนการขยายธุรกิจปี 2565 ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อเตรียมพร้อมรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

เร่งผุดสาขานอกห้าง

สำหรับการขยายสาขานั้น บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยปี 2565 จะเปิดเพิ่มอีก 43 สาขา แต่มีการปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นการเปิดสาขารูปแบบสแตนด์อะโลนมากขึ้น โดยปีหน้าเตรียมขยายเพิ่ม 10-15 สาขา

ส่วนงบประมาณนั้นยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะขึ้นอยู่กับขนาดที่จะเปิด ซึ่งสาขาสแตนด์อะโลนก็จะมีทั้งขนาดใหญ่และเล็กแล้วแต่โลเกชั่น

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปิดให้บริการสาขาในห้างลงชั่วคราวหลายระลอก ดังนั้นจำเป็นต้องปรับแผนการขยายสาขาใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ เตรียมจะเพิ่มสินค้ากลุ่มไอโอที สินค้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มน้ำหนักในการทำการตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ย้ายขึ้นมาบนช่องทางออนไลน์เกือบหมดแล้ว

คอม7 ผุดสแตนด์อะโลน

นายถกล นิยมไทย Head of IT Business บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดระลอก 3 ที่เกิดขึ้นปีนี้ ทำให้ต้องปิดสาขาในห้างลงชั่วคราวถึง 530 สาขาใน 29 จังหวัด หรือรายได้ของบริษัทหายไปถึง 70% ทำให้ต้องเร่งเปิดสาขา pop up store เพิ่ม 54 สาขา เพื่อรักษายอดขายใน 29 จังหวัด

ADVERTISMENT

แต่ก็ไม่สามารถทดแทนยอดขายที่หายไปได้ทั้งหมด ดังนั้นแนวโน้มการขยายสาขาปี 2565 จะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 สาขา ซึ่งจะเริ่มปรับรูปแบบการขยายสาขาใหม่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งรูปแบบสแตนด์อะโลน pop up store การเพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ

โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีทั้งหมด 1,000 สาขา จากสิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ที่มี 958 สาขา สำหรับรูปแบบสแตนด์อะโลนนั้น บริษัทเตรียมยกเครื่องใหม่ โดยเพิ่มพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น ครอบคลุมทุกหมวดสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน สมาร์ทโฮม เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

บริหารพื้นที่ศูนย์เครื่องใช้ไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังเข้าไปบริหารพื้นที่ศูนย์เครื่องใช้ไฟฟ้า “เพาเวอร์วัน” ในทุกสาขาในเครืออินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และเพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่มากขึ้น ทั้งสินค้ากลุ่ม 5G, IOT กลุ่มสมาร์ทโฮม เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีแผนจะขยายทั้งหมด 30 สาขา

เฟสแรกจะเริ่มขยายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้รวม 15 สาขา และเดือนมกราคมปี 2565 จะเปิดอีก 15 สาขา แบ่งเป็นแฟลกชิปสโตร์ 2 สาขา ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์ และบางนา อีก 28 สาขาจะกระจายทั่วประเทศ

นายถกลกล่าวว่า แม้โควิดกระตุ้นให้ความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาซัพพลายขาด ถือเป็นโจทย์ยากในการรักษาการเติบโตของธุรกิจนี้ โดยบริษัทก็ยังได้สินค้าที่เป็นฮีโร่โปรดักต์เข้ามาขายต่อเนื่อง ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน และเชื่อมั่นว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์