กองทุนเพื่อสตาร์ตอัพไทย…ก้าวที่ไม่ไกลเกินไป

คอลัมน์ Pawoot.com
Pawoot.com
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ผมเองลงทุนในสตาร์ตอัพมาเป็นสิบปีแล้ว และการตั้งกองทุนก็เป็นสิ่งที่อยู่ในใจมานานแล้ว โดยเฉพาะช่วงหลังมานี้บริษัทที่ผมไปลงทุนนั้นออกดอกผลได้ดี บางบริษัทมีผลตอบแทนเป็น 100% เลยทีเดียว นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากจะเริ่มเปิดเป็นกองทุนเพื่อสตาร์ตอัพขึ้น

ผมลงทุนในสตาร์ตอัพไปเกือบ 40 บริษัท ใช้เงินไปหลายสิบล้านแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าจะไม่มีเงินลงทุนแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังมีบริษัทดี ๆ ตั้งขึ้นมาอีกมาก ผมอยากลงทุนแต่ว่าผมไม่มีเงินลงทุน

ผมจึงคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะเปิดเป็นกองทุน อธิบายง่าย ๆ คือ ใครที่มีเงินสามารถนำเงินมาลงทุนไว้ในกองทุนนี้ได้ จากนั้นผมจะนำเงินไปบริหาร ไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพ โดยจะเน้นไปที่ หนึ่ง กลุ่มธุรกิจในไทย

สอง ในกลุ่มอาเซียนซึ่งผมเองมีคอนเน็กชั่นอยู่ และผมเห็นโอกาสที่ว่าธุรกิจไทยหลาย ๆ แห่งที่ผมไปลงทุนหรือมีอยู่แล้วนั้นเขาสามารถที่จะโยกย้ายหรือขยายไปต่างประเทศได้ง่ายมาก

ความแตกต่างของการขยายไปต่างประเทศของสตาร์ตอัพกับธุรกิจแบบเดิมคือ หากผมเป็นโรงงานผลิตสินค้าอยากจะไปต่างประเทศผมก็ต้องไปตั้งโรงงานที่นั่น ไปผลิต ไปจ้างคนที่นั่น ฯลฯ

แต่ธุรกิจสตาร์ตอัพหรือเทคโนโลยีหากอยากไปต่างประเทศนั้นไปง่ายมาก แค่บินไป ไปเช่า coworking space มีพนักงานแค่ไม่กี่คนก็สามารถเปิดเป็นออฟฟิศขายของคนที่นั่นได้แล้ว

เพราะความเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต เมื่อผลิตเสร็จแล้วเราสามารถยกเทคโนโลยีมาให้คนในประเทศนั้น ๆ ใช้บริการได้เลย

จากแนวคิดนี้ทำให้ผมต้องการ หนึ่ง ตั้งเป็นกองทุนสตาร์ตอัพขึ้นมา สอง ไม่อยากให้เป็นแค่การลงทุนเงินอย่างเดียวแต่จะช่วยในเชิงโอเปอเรชั่น การเงิน กลยุทธ์ เพราะจุดอ่อนของธุรกิจขนาดกลาง เล็ก สตาร์ตอัพ คือ ไม่ค่อยเก่งเรื่องหลังบ้าน เรื่องกฎหมาย

กองทุนนี้จะคอยช่วยในทุกอย่าง ทำให้ธุรกิจสตาร์ตอัพสามารถโฟกัสกับ core ของธุรกิจจริง ๆ ได้ เช่น เขาไม่ต้องหยุดงานเพื่อมาวางแผนทำเอกสารต่าง ๆ เมื่อต้องคุยกับนักลงทุน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ core ธุรกิจของเขา

ผมจึงตั้งใจเอาไว้ว่าจะเปิดกองทุนที่มีขนาดไซซ์ประมาณ 500 ล้านบาท และอายุของการลงทุนประมาณ 10 ปี ซึ่งจากหลาย ๆ บริษัทเท่าที่ผมดูมา ตามปกติการลงทุนประมาณ 5 ปีก็จะเริ่มมีผลตอบแทนกลับมาให้เห็นแล้ว

แต่ปัญหาในตอนนี้ คือผมรู้ว่า ผมเลือกสินค้าได้ดี เลือกบริษัทได้ดี แต่ผมไม่เก่งเรื่องการเงิน ผมจึงกำลังเปิดรับสมัคร fund manager คนที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน การบริหารกองทุน หากคุณใช่ มาจับมือกับผมได้เลย ส่วนผมจะดูแลหาบริษัทต่าง ๆ ที่จะเลือกลงทุนให้เอง ใครที่สนใจติดต่อมาที่เฟซบุ๊กของผมได้เลยครับ

จุดเด่นของกองทุนนี้คือผมอยากผลักดันธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ของคนไทยให้เติบโตมากขึ้นในระดับภูมิภาค จะรอให้ต่างชาติบุกเราอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ผมต้องการสร้างและผลักดันให้ธุรกิจของเด็กไทยโตขึ้นและได้ออกไปต่างประเทศ เขาต้องไปเป็นขุนพลธุรกิจดิจิทัลที่สามารถนำพาธุรกิจของประเทศไทยออกไปข้างนอก และดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศไทยให้ได้

สำหรับสตาร์ตอัพที่ผมสนใจอยู่น่าจะเกี่ยวกับ หนึ่ง data หรือเกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งผมเองก็ลงทุนมากอยู่แล้ว สอง ธุรกิจเกี่ยวกับ business operation เช่น ผมไปลงทุนเรื่องซอฟต์แวร์ทางด้านคลินิก ซอฟต์แวร์การบริหาร ซอฟต์แวร์ทางด้านกีฬา ฯลฯ

ผมชอบซอฟต์แวร์แบบที่ธุรกิจต้องใช้ เช่น จากที่เคยต้องใช้กระดาษ ใช้คน ซอฟต์แวร์นี้จะไปช่วยทดแทนคนหรือไปช่วยคนได้ นั่นหมายถึงซอฟต์แวร์เหล่านี้จะยึดติดกับบริษัทเลย บริษัทจะเลิกใช้ยากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไปแล้ว

หรือซอฟต์แวร์ทางด้าน healthcare หรือ telehealth ธุรกิจทางด้าน fintech, big data หรือพวก deep tech ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะทาง ผมเล็งไว้หลายตัว และไซซ์การลงทุนในบริษัทนั้น ๆ ไล่ตั้งแต่ 1 ล้านบาทไปจนถึงประมาณ 20 ล้านบาท

ผมมีแผนลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ผมรู้ว่าเมื่อจะไปลงทุนในต่างประเทศนั้นมีปัญหา มีขั้นตอนอยู่มาก ผมจะไปเตรียมความพร้อมไว้ให้ บริษัทไหนในกลุ่มหากต้องการจะไปก็สามารถไปได้ทันที เพราะเรามีพนักงานฝ่ายต่าง ๆ รออยู่แล้ว มีคนตั้งบริษัทให้ที่นั่นเลย ฉะนั้น การที่จะไปเปิดบริษัทที่นั่นทำได้ง่าย และทุกอย่างแชร์กันได้

ถึงแม้ผมจะมีพนักงานเพียงไม่กี่คน แต่ผมสามารถรองรับสตาร์ตอัพที่จะไปตั้งบริษัทที่ต่างประเทศได้หลายสิบบริษัท โดยไม่ต้องใช้คนที่นั่นเยอะมาก ทำให้ต้นทุนบริหารจัดการต่ำลง แต่เราใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือในการไปกวาดลูกค้าจากประเทศนั้น ๆ ได้

สำหรับสตาร์ตอัพที่สนใจคงต้องรอให้ผมตั้งกองทุนก่อนนะครับ ซึ่งตอนนี้มีคนต้องการที่จะมาลงทุนด้วยเรียกว่าพอจะมีเงินมารอแล้ว อย่างที่บอกไปว่าผมยังไม่มีคนมาช่วยในเรื่องของการบริหารเงินครับ ตอนนี้ใจพร้อมมากและอยากจะดันน้องรุ่นใหม่ ๆ ให้โต

ตอนนี้ผมกำลังทำโครงสร้างให้เสร็จเสียก่อน แล้วนี่จะกลายเป็นกองทุนของคนไทย เพื่อคนไทย และจะผลักดันให้ธุรกิจไทยเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไปครับ