Next Step ‘บิทคับ’ ต่อจิ๊กซอว์ ‘คริปโทฯ’ อีโคซิสเต็ม

กระดานคริปโตฯไทย ลือหักภาษีจากกำไร 15% นักเทรดว่าอย่างไรบ้าง
ภาพจาก pixabay

นับเป็นตัวอย่างของสตาร์ตอัพดาวรุ่งที่มุ่งมั่นในทางของตนเองและสามารถปลุกปั้นธุรกิจโลกยุคใหม่ให้เติบโตได้อย่างน่าจับตา สำหรับ “บิทคับ” (Bitkub) แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ใช้เวลา 4 ปี กลายเป็นยูนิคอร์นตัวที่ 2 ของไทย

ด้วยมูลค่าบริษัททะลุ 35,000 ล้านบาท ทะยานขึ้นยานแม่ “เอสซีบีเอ็กซ์” (ถ้าปิดดีลเรียบร้อย)ล่าสุดขยับเชื่อมโลกออฟไลน์ด้วยการร่วมมือกับเดอะมอลล์กรุ๊ปสร้างอีโคซิสเต็มสินทรัพย์ดิจิทัล

…คนส่วนใหญ่อาจคุ้นเคยกับท้อป-จิรายุส ทรัพย์โสภา แต่แท้จริงแล้ว บิทคับมีผู้ร่วมก่อตั้ง 9 คน “ประชาชาติธุกิจ” พูดคุยกับ “สกลกรย์ สระกวี” 1 ในผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ดังนี้

Q : ดูแลส่วนไหนในบิทคับ

ช่วงแรกเป็นซีอีโอ ตอนหลังพอมีการวางโครงสร้างใหม่ ขยายบริษัทเพิ่มก็ขึ้นมาเป็นบอร์ด ดูแลภาพรวม 4 บริษัท มีบิทคับ ออนไลน์, บิทคับ เวนเจอร์ (ลงทุนในสตาร์ตอัพ, บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี (พัฒนาระบบบล็อกเชน

และเหรียญ Bitkub Coin (KUB), NFT (Non-Fungible Token), บิทคับ แล็ปส์ ทำบิทคับอะคาเดมี ธุรกิจการศึกษาด้านบล็อกเชน ให้ความรู้กับธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

วิสัยทัศน์ของเราตั้งแต่วันแรกคือต้องการเป็นยูนิคอร์น ที่แยกตั้งบริษัท เพราะตามกฎ ก.ล.ต. บริษัทที่ทำเอ็กซ์เชนไม่ควรทำธุรกิจอื่น และควรมีรายได้เฉพาะเอ็กซ์เชน คือ บิทคับออนไลน์

ผมอยู่ในวงการคริปโทฯตั้งแต่ปี 2013 ตอนยังทำการีน่า ตอนนั้นทุกคนยังไม่รู้จักคำว่า คริปโทฯ แต่รู้จักบิตคอยน์ ออกจากการีน่าปี 2014 มาทำตรงนี้ เพราะอยากทำอะไรที่คนไทยสร้างขึ้นมาได้เองจริง ๆ ไม่ใช่เอาแพลตฟอร์มต่างชาติเข้ามาในไทย

ผู้ที่ร่วมก่อตั้ง บิทคับมี 9 คน เริ่มคุยกันเรื่องตั้งบริษัทปลายปี 2017 พอปี 2018 ก็ตั้งบริษัทด้วยเงินลงทุนส่วนตัวของผู้ร่วมก่อตั้ง และนักลงทุนกลุ่มแรกรวม ๆ แล้ว 30 ล้านบาท

Q : จาก 30 ล้าน สู่บริษัท 3 หมื่นล้าน

ต่อมาระดมเพิ่มอีก 60 ล้านบาท 120 ล้านบาท และ 300 ล้านบาท ต้นปี 2020 เงินส่วนนี้ไม่ได้ใช้ขยายธุรกิจ แต่นำมาเป็นกองทุนสำหรับเงินประกันตามระเบียบของ ก.ล.ต. เพื่อไว้ดูแลลูกค้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

หลังเปิดเทรดปลายปี 2019 ต้นปี 2020 เราก็เริ่มมีกำไรแล้ว

ปัจจุบัน มีนักลงทุนเปิดบัญชีกับเราราว 3 ล้านบัญชี เพิ่ม 1,000% จากเดือน เม.ย.ที่มี 1 ล้านบัญชี

Q : ที่มาของดีลกับ SCB

ดีลนี้เกิดขึ้น เพราะมี passion ตรงกันนั่นคือ ต้องการสร้างอีโคซิสเต็มคริปโทเคอร์เรนซีในไทยให้มีความแข็งแกร่ง เป็นดีลประวัติศาสตร์ที่สั่นสะเทือนทุกวงการ สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่า วิน-วินทุกฝ่าย

บิทคับมีความเชี่ยวชาญในโลกใหม่เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่พาร์ตเนอร์ เชี่ยวชาญการเงินในโลกออฟไลน์ ทำให้ดีลนี้เป็นความหวังใหม่ของประเทศที่จะกระตุ้นให้ทุกรายพยายามสร้างอีโคซิสเต็มนี้ไปด้วยกัน

ปัจจุบันบริษัทใหญ่ ๆ ของไทยปรับตัวเร็วขึ้น จากเดิมที่เบอร์ 2 เบอร์ 3 ในแต่ละธุรกิจมักเคลื่อนตัวช้ามาก แต่ครั้งนี้บริษัทใหญ่เคลื่อนไหวเร็วมาก

เชื่อว่า จากนี้ไปทุกรายจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้อีกแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนให้การขยายธุรกิจ หรือพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ได้ดีขึ้น ไม่ว่าเทคโนโลยี หรือเทรนด์อะไรใหม่ ๆมา

โดยเฉพาะเมตาเวิร์ส สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป บริษัทใหญ่ ๆ จะเข้าไปร่วมมือกับสตาร์ตอัพ หรือบริษัทเล็ก ๆที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ และพัฒนาบริการโซลูชั่นใหม่ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสนี้ไปอีก

Q : แนวโน้มตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

ปลายปีที่แล้ว ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ 3 แสนกว่าบาท ตอนนี้พุ่งไปกว่า 2 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่า ประมาณ 2.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กว่า 42.06% มาจากบิตคอยน์ (ณ 22 พ.ย. 2564)

และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในตลาดโลก และไทย การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเป็นเทรนด์ จะไปถึงไหนคงไม่สามารถบอกได้

แต่เชื่อว่าจะโตขึ้นอีก ที่ผ่านมา บิทคับโตปีละ 1,000% ต่อไปอาจยากขึ้น แต่อย่างน้อยต้องโตได้เฉลี่ยปีละ 300-500% การเติบโตสะท้อนให้เห็นว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่กำลังมาจริง ๆ

Q : มุมมองเรื่องการแข่งขัน

การแข่งขันในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลจะรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง แต่รายที่เข้ามาใหม่ต้องใช้เวลาสร้างอีโคซิสเต็มต่าง ๆ สิ่งที่เราจะพยายามทำจากนี้ไป

คือการทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลใหญ่ขึ้นด้วยการทำให้การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีเป็นแมส ขยายฐานไปยังกลุ่มคนทั่วไป เพราะเมื่อตลาดใหญ่ขึ้น มูลค่าตลาดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

ในอนาคตแม้จะมีรายใหม่เพิ่มเข้ามา แต่บิทคับได้กลายเป็นแอปพลิเคชั่นเทรดคริปโทเคอร์เรนซีที่คนไทยคุ้นเคยแล้วจึงไม่กังวลการมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่กังวลว่าจะทำอย่างไรให้ตลาดใหญ่ขึ้นมากกว่า

อีกเทรนด์ที่คาดว่าจะได้รับความนิยม คือตลาดอีสปอร์ต ในฐานะผู้ก่อตั้งการีน่า พบว่าตลาดนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 20,000-30,000 ล้านบาทในปัจจุบัน

เป็นโอกาสใหญ่ที่จะเปลี่ยนให้คนในอุตสาหกรรมนี้มาใช้คริปโทเคอร์เรนซีแลกเปลี่ยน ซื้อขาย

มั่นใจว่าเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 เราตั้งใจว่าจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนที่เล่นเกมกับคนที่เล่นคริปโทเคอร์เรนซีเข้าด้วย

Q : เป้าหมายในอนาคต

เป้าระยะยาว คือสร้างโปรดักต์โกลบอล ที่ผ่านมาคนไทยสมองไหลอยากไปทำงานบริษัทต่างประเทศ อย่างกูเกิล เฟซบุ๊ก ไม่ค่อยมีที่อยากทำงานกับบริษัทไทย แต่จากนี้ไปหลายอย่างจะเปลี่ยนไป เพราะเราพร้อมจ่ายเงินเดือนมากที่สุดสำหรับคนที่เก่งจริง ๆ

จะไม่มีคำว่าประหยัดที่สุดให้ได้เติบโต เราเชื่อว่าเราเป็นบริษัทโกลบอลได้ แต่ต้องให้เวลา มองไกลไปถึงการเข้าไปซื้อบริษัทต่างประเทศ จ้างคนต่างชาติมาทำงาน เพื่อสร้างรีจินอลคอมปะนี ที่ nominate ตลาดอื่น ๆ ได้ด้วย

ไทยเป็นประเทศที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซีเร็วกว่าหลายประเทศ และเร็วกว่าจีนเรากำลังสร้างอีโคซิสเต็มที่ทำให้เกิด

คริปโทฯอีโคโนมิกในประเทศไทย อยากเป็นสตาร์ตอัพที่เป็นผู้นำในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทย

Q : กำไรจากเทรดคริปโทฯต้องเสียภาษี

ตัวบิทคับไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องเก็บภาษีที่ผู้เทรดได้กำไรจากการเทรดให้รัฐ เราจะทำเฉพาะในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่านั้น จริง ๆ ก็อยากให้ยกเว้น

เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่มีกฎหมายนี้ออกมา คนจะหนีออกนอกไปใช้ระบบที่เป็นเถื่อน ไปใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ ความน่ากลัว คือเราไม่สามารถแทร็กกิ้ง อะไรได้เลย

ถ้าทุกคนหนีไปใช้ที่อื่นหมด นั่นหมายความว่าสิ่งที่เราสร้างมา ก็จะเหมือนเดิมที่แพลตฟอร์มต่างชาติเข้ามากำหนดตลาดในไทย

ไม่ได้หมายว่า ไม่ให้เสียภาษีแต่กำลังบอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้วคนย้ายไปใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เชื่อว่าตลาดยังเติบโต และจะมีคนเข้ามามากขึ้น

Q : ดีล SCB 1.7 หมื่นล้าน ชีวิตเปลี่ยน

ยังเหมือนเดิมนะ (หัวเราะ) แต่การ ดีลกันต้องมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ยังบอกไม่ได้ การได้คนมาลงทุนด้วยทำให้เรามีความมั่นคง มีเป้าหมายใหญ่ ที่เราอยากจะทำด้วยกัน

Q : คำแนะนำถึงสตาร์ตอัพรุ่นน้อง

จะเป็นสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จได้ ทีม และคนสำคัญแทบจะที่สุด เช่นเดียวกับการได้รับโอกาส เมื่อไรที่ สร้างสตาร์ตอัพขึ้นมาหนึ่งอัน มีแพสชั่นแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ก็จะประสบความสำเร็จได้ หาแพสชั่นให้เจอ หาสิ่งที่คิดคุณรักให้เจอ

เหมือนเราอยู่ในวงการคริปโทฯก็เพราะมีแพสชั่นในเรื่องนี้มาก ๆ ทำให้พวกเรามาถึงตรงนี้ได้ ดังนั้น แพสชั่นสำคัญ ทีมสำคัญ โอกาสก็สำคัญ หรือบางทีดวงก็สำคัญ ผมพูดกับทุกคนเสมอว่าการที่บิทคับมาถึงวันนี้ได้ เพราะได้รับโอกาส เป็นสตาร์ตอัพของคนไทยที่คนไทยให้การยอมรับ