NFTs บุกฮอลลีวูด

Artprice วิเคราะห์ อนาคตของ NFTs และเมตาเวิร์ส
FILE PHOTO : artprice-nft.com
Tech Times
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

โปรดิวเซอร์ฮอลลีวูดชื่อดังเตรียมผลิตหนังเรื่องแรกของโลกที่ใช้เงินทุนจากการขาย NFTs ล้วน ๆ

“นิลส์ จูลล์” ผู้อำนวยการสร้างที่อยู่เบื้องหลังหนังดังอย่าง The Irishman ของมาร์ติน สกอร์เซซี หรือหนังฟอร์มยักษ์จาก Apple อย่าง Killers of the Flower Moon

เพิ่งประกาศเปิดตัวบริษัทโปรดักชั่นแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ “NFT Studios” เพื่อผลิตหนังจากเงินทุนที่ได้จากการขาย NFTs โดยเฉพาะ

นิลส์ตั้งเป้าจะระดมทุนให้ได้ 8-10 ล้านเหรียญจากการขาย NFTs 10,000 ชิ้นให้กับประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันที่สนใจ

นอกจากนิลส์แล้ว ความสนใจของฮอลลีวูดที่มีต่อกระแส NFTs ยังลามไปถึงเครือโรงหนังอย่าง AMC ด้วย ที่ล่าสุดจับมือกับ Sony Pictures ประกาศแจกของสะสมในรูปแบบของ NFTs จำนวน 86,000 ชิ้น

ให้แก่สมาชิกของ AMC Stubs Premiere, AMC Stubs A-List และ AMC Investor Connect ที่จองซื้อตั๋วหนังเรื่อง “Spider-Man : No Way Home” ล่วงหน้าก่อนวันฉายจริงในวันที่ 16 ธันวาคม

โดย NFTs นี้ยังเป็นที่ต้องการของแฟนคลับ Spiderman รวมถึงนักสะสมทั่วโลก เนื่องจากทำเป็นคอลเล็กชั่นซึ่งมีทั้งหมด 100 ลาย และเป็นผลงานการออกแบบจากการ animation studio ชื่อดังอย่าง Cub Studio ซึ่งกวาดรางวัลมาแล้วหลายเวที

ทั้งนี้ NFTs หรือ nonfungible tokens คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายผ่าน blockchainที่มาแรงสุด ๆ ในวงการอาร์ต จนขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของ “ผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง” ในวงการอาร์ตประจำปีจากการจัดอันดับของ ArtReview

NFTs เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มศิลปิน และนักสะสมงานอาร์ตดิจิทัลต่าง ๆ เพราะ blockchain ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บและซื้อขายผลงาน อีกทั้งสามารถ trace ไปถึงตัวตนเจ้าของเพื่อยืนยันว่าเป็นผลงานต้นฉบับที่แท้จริง ไม่ใช่งานก๊อปที่ดูดมาจากอินเทอร์เน็ต

แต่กระแส NFTs มาดังเป็นพลุแตกเมื่อคอลเล็กชั่น “Everydays : The First 5000 Days” ของศิลปิน Beeple มีการประมูลไปในราคาสูงถึง 69.3 ล้านเหรียญในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

หลังจากนั้น วงการนักสะสมทั่วโลกก็พากันซื้อขายงานอาร์ตดิจิทัลสารพัดรูปแบบกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง คลิป ไปจนถึงคลิป หรือพวก meme ดัง ๆ ที่ถูกเจ้าขุดออกมาขายทำเงินจนรวยกันเป็นแถว

สำหรับ NFT Studio สินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำออกขายก็คือ บางส่วนบางตอนของหนังที่จะสร้างนั่นเอง โดยนิลส์บอกว่า นอกจากนักลงทุนจะได้ส่วนแบ่งรายได้ของหนังแต่ละเรื่องแล้ว ยังมีโอกาสกระทบไหล่ดาราดังอย่างใกล้ชิดตามงานเปิดตัวหรือสถานที่ถ่ายทำด้วย

อีกทั้งตอนนี้เขาวางแผนจะผลิตหนังประมาณ 6 เรื่อง โดยเรื่องแรกที่ประเดิมเปิดตัวในปีหน้า มีชื่อว่า“A Wing and a Prayer” เป็นเรื่องราวการผจญภัยทั่วโลกของไบรอัน มิลตัน นักผจญภัยและนักประวัติศาสตร์การบินชาวอังกฤษ

พร้อม ๆ กับมีการวางตัวนักแสดงและผู้กำกับไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่จะเปิดเผยรายละเอียดอีกทีในงาน Berlin Film Festival ที่มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และน่าจะเริ่มถ่ายทำได้ในเดือนเมษายน

ก่อนหน้านี้ เขาได้บริษัทลงทุน NFT Investments ในลอนดอนมาเป็นทั้งพันธมิตรและนักลงทุน โดย NFT Investments ซื้อหุ้น 20% ใน NFT Studio ด้วยเงิน 1 ล้านเหรียญ

จากที่กล่าวมาคงเห็นสัญญาณดีของการระดมทุนผ่าน NFTs ซึ่งน่าจะเป็นทางออกให้ผู้ผลิตหนังอินดี้หรือหนังฟอร์มเล็กได้ลืมตาอ้าปากได้ในฮอลลีวูด ที่นายทุนส่วนมากมักจะเลือกสนับสนุนหนังจากผู้ผลิตบิ๊กเนมเป็นหลัก


ทำให้หนังฟอร์มเล็กที่มีคุณภาพรวมถึงผู้เขียนบทและผู้ผลิตต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะได้เงินมาลงทุน ดังนั้นหากการระดมทุนผ่าน NFTs เป็นไปด้วยดีก็เชื่อได้ว่าจะยิ่งทำให้วงการหนังมีคอนเทนต์ดี ๆ เกิดขึ้นอีกมาก