“โกลบิช” สตาร์ตอัพสอนภาษา อยากพูดอังกฤษต้องพูดได้

สัมภาษณ์

จากความต้องการทำ “ธุรกิจเพื่อสังคม” บวกกับปัญหาที่เกิดขึ้นในการ “เรียนภาษาอังกฤษ” จึงเกิดสตาร์ตอัพ “โกลบิช” แพลตฟอร์มเรียนพูดภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวกับโค้ชชาวต่างชาติ

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “ชื่นชีวัน วงษ์เสรี” 1 ในผู้ร่วมก่อตั้ง “โกลบิช” สตาร์ตอัพสอนภาษาอังกฤษที่บอกว่า ใครอยากพูดอังกฤษได้ต้องพูดได้

Q : จุดเริ่มต้นของโกลบิช

โดยส่วนตัวเคยมีเพนพ็อยต์ตอนเรียนพิเศษภาษาอังกฤษช่วง ม.ปลาย ต้องนั่งรถ 4 ชั่วโมง มาเรียนแค่ 2 ชั่วโมง จบปริญญาตรีก็ยังพูดไม่ได้ เพราะคณะที่เรียนไม่ได้เน้นภาษา หลังเรียนจบได้ไปเข้าค่ายเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำได้เจอ “ทรอย-ธกานต์ อานันโทไทย” ซึ่งอยากทำธุรกิจเพื่อสังคมเหมือนกัน และได้ไอเดียจากคนญี่ปุ่นจนเกิดเป็นโกลบิช กลางปี 2014 ตอนนั้นเงินทุนเป็นของคนญี่ปุ่น ยังไม่เหมือนกับทำธุรกิจเอง เหมือนเป็นลูกจ้างคนญี่ปุ่น รูปแบบธุรกิจเป็นการหาลูกค้าที่เป็นโรงเรียน ช่วงครึ่งปีแรกหาลูกค้าไม่ได้เลย ไม่มีนักเรียนแม้แต่คนเดียว กระทั่งปี 2015 เจอนักลงทุน เขาช่วยแนะนำเรื่องการหาลูกค้า เราจึงไปคุยกับคนญี่ปุ่นว่าจะไม่ทำรูปแบบนี้แล้ว เพราะลูกค้าไม่ใช่โรงเรียน แต่เป็นคนทั่วไป

ปัจจุบันเราโฟกัสคนวัยทำงาน อายุ 25-35 ปี เพราะเด็กที่เรียนหรือเด็กจบใหม่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจออะไร กระทั่งทำงานถึงรู้ว่าต้องใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะทำงานมา 1 ปี อีกกลุ่มที่ทำงานมา 5 ปี แต่ไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะเจ้านายเป็นต่างชาติ เราลดสัดส่วนหุ้นของคนญี่ปุ่นเหลือ 10% จาก 49% จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นสตาร์ตอัพ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าสตาร์ตอัพคืออะไร ก็ไปพิตช์แข่งกับคนสิงคโปร์ และได้ไปเจอกับพี่ ๆ ที่เป็น VC สอนอยู่ 1 ปี

และต้นปี 2016 ไปออกรายการ “เสือติดปีก” จากนั้นก็บูม มีคนรู้จักมากขึ้น มีคนมาเรียนมากขึ้น จากที่ให้เรียนฟรี 20 คน แรก เก็บค่าเรียน 80 บาท/25 นาที เก็บฟีดแบ็กมาเรื่อยจนรู้ว่า เรื่องการศึกษา คนไม่ได้ต้องการของถูก แต่ต้องการของที่ดีที่สุด แพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย เราเลยเริ่มนำครูยุโรปมาสอน และปรับราคาขึ้น ทำให้หลักสูตรดีขึ้น ตอนนี้ราคาเป็น 200 บาท ต่อ 25 นาที มีครูในระบบ 400 คน มีที่โชว์ให้เลือก60 คน มีนักเรียนที่เคยเรียน 3,300 คน แอ็กทีฟประมาณ 500 คน และผู้เรียน 30% กลับมาเรียนซ้ำ

Q : ปัญหาที่เจอ

ช่วงแรกมีปัญหาเรื่องเงินทุน ต้องควักเงินเก็บมาใช้กันเอง ลำบากมาก ไม่รู้จะทำยังไงต่อ และยังมีเรื่องการหาลูกค้า แม้มีเป้าหมายแต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าใครอยากเรียน ปัจจุบันอยากขยายไปกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าองค์กรแบบไหนที่ต้องการ อีกปัญหาคือ คนยังรับเทคโนโลยีช้า ยิ่งเรื่องการศึกษาเป็นอะไรที่ปรับตัวช้ามาก ไม่ว่าประเทศไหน

Q : การหาทีมไม่ใช่ปัญหา

โปรแกรมเมอร์หรือดีเวลอปเปอร์ที่มีอุดมการณ์หาไม่ยาก เพราะไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่อยากทำเพื่อเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ไม่ได้สนใจแค่เงิน บางคนจบมหาวิทยาลัยดัง ๆ ไปทำงานที่อื่นได้เงินเดือนมากกว่าเรา แต่เขายังทำกับเรา แถมทำงานหนักด้วย

ปัจจุบัน โกลบิชมีทีมงาน 28 คน มีวัฒนธรรมองค์กร 3 อย่าง 1.จิตสาธารณะทำเพื่อสังคม 2.ต้องเรียนรู้เรื่อย ๆ และ 3.ทำงานไปเล่นไป ที่ออฟฟิศมีแต่เสียงหัวเราะ อยู่กันเหมือนเพื่อน

Q : สอนภาษาอังกฤษก็สเกลได้

เรามองว่าแค่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามก็น่าจะพอแล้ว เพราะจริง ๆ ในเอเชียมีอีกหลายประเทศที่มีปัญหา แถบละตินอเมริกา เช่น สเปนก็ไปได้ แพลตฟอร์มของเราไม่ได้จำกัดแค่ภาษาอังกฤษ สอนภาษาอื่น วิชาอื่น ๆ ได้

คนเรียนผ่านโกลบิชเพิ่มขึ้น 150 คนต่อเดือน เรามีแผนที่เข้าไปทำตลาดในอินโดนีเซียและเวียดนามใน 2 ปีนี้

Q : คู่แข่งมีเยอะไหม

ในต่างประเทศก็มีธุรกิจรูปแบบเดียวกับเรา อย่างในไทยก็มีคล้าย ๆ เรา 2-3 รายแล้ว หรือในญี่ปุ่นก็มี ตอนนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นที่ปรึกษาให้เราอยู่ คู่แข่งรายอื่น ๆ เขาเอาชาวต่างชาติจากที่ไหนไม่รู้มาคุยกับนักเรียน อาจไม่มีประสบการณ์ในการสอน ต่างจากเราที่โพซิชั่นชัดเลยว่า เป็นโรงเรียน คนที่มาสอนต้องมีคุณภาพ มีหลักสูตรชัดเจน มีการการันตี ไม่ได้แค่จับแพะชนแกะ เพราะเชื่อว่าคนไทยไม่ได้ต้องการแค่การคุย แต่ต้องการความรู้ด้วย เราจึงต่างจากที่อื่น มีการวัดผล โดยทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน มีคอลเซ็นเตอร์โทร.ไปทดสอบ และด้วยความที่เราเป็นคนไทยก็เข้าใจความต้องการของคนไทยด้วยกันมากกว่า เขาไม่สามารถพัฒนาโปรแกรมให้เหมาะกับคนไทยได้ และมองว่ายิ่งมีคู่แข่งยิ่งเป็นเรื่องที่ดี ตอนนี้คนรู้จักการเรียนออนไลน์น้อย จึงมักหาข้อมูลในกูเกิล ทำให้รู้จักโกลบิชไปด้วย

ส่วนการสอนแบบออฟไลน์ไม่เป็นคู่แข่ง เพราะเราเน้นที่การสื่อสาร บางสถาบันอาจเน้นด้านอื่น คนที่อยากเน้นสกิลการพูดหรือฟังจะเรียนออนไลน์ คิดว่าในอีก 5 ปีจะไม่มีการแบ่งว่าเรียนออนไลน์ หรือออฟไลน์ แต่เป็นการเรียนแบบผสมผสาน

Q : เป้าหมายของโกลบิช

อยากทำให้คนไทย 1 ล้านคนพูดภาษาอังกฤษได้ และอยากให้คนไทยทุกคนที่อยากพูดภาษาอังกฤษได้ ต้องพูดได้ ในอนาคตชาวนาต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่งั้นไม่ทันเทคโนโลยี และมองว่าการเรียนต่อไปจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่คือไลฟ์สไตล์ อยากเรียนเมื่อไหร่ก็เรียนได้ มี 5 รูปแบบ 1.เรียนเป็นกลุ่ม 2.อีเลิร์นนิ่ง 3.มีเนทีฟสปีกเกอร์สำหรับคนที่อยากได้สำเนียงเป๊ะ ๆ 4.กิจกรรมออฟไลน์ มีอีเวนต์ให้นักเรียนมาคุยกัน และ5.สอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก

Q : อยากบอกอะไรสตาร์ตอัพใหม่ ๆ 


สตาร์ตอัพคือการแก้ปัญหา ดังนั้นอยากให้หาปัญหาจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นสตาร์ตอัพก็ได้ เป็น SMEs ก็ได้ แต่ขอให้แก้ปัญหาให้คน ให้ประเทศ ประเทศเราจะไปข้างหน้าได้ก็ด้วยคนรุ่นใหม่ เราต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ