เอไอเอสอัพสปีดสู่องค์กรอัจฉริยะ โชว์ศักยภาพ 5G-ไฮสปีดเน็ต ตอบโจทย์นิวนอร์มอล
วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เอไอเอสประกาศว่าในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 32 ในการดำเนินธุรกิจ บริษัทจะยกระดับองต์กรจาก Digital Life Service Provider สู่ Cognitive Telco (ค็อกนิทิฟ เทลโค่) หรือองค์กรอัจฉริยะเพื่อนำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในโลกยุคนิวนอร์มอล จากที่ผ่านมาได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่องสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทุกภาคส่วน และยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
นอกจากนี้ ยังประกาศเปิดตัวโครงข่ายอัจฉริยะ AIS Fibre รายแรกในเมืองไทยที่ทำความเร็วเน็ตบ้านได้ถึง 2 Gbps รวมถึงเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมสูงสุด 76% ของพื้นที่ที่มีประชากร
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ภายใต้บริบทของโลกใหม่ ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวเพื่อให้มีความพร้อมเป็นสิ่งที่เอไอเอสเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การประกาศเคลื่อนตัวจาก Telecom Operator สู่ Digital Life Service Provider เมื่อ 6 ปีก่อน และล่าสุดยกระดับสู่ Cognitive Telco (ค็อกนิทิฟ เทลโค่)
โดยจะมุ่งไปยัง 3 เป้าหมายหลัก คือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้ลูกค้าสูงสุดเสมอจากธุรกิจไร้สายปัจจุบัน 2.ต่อยอดการเติบโตผ่านธุรกิจเน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร และ 3.ลงทุนในธุรกิจดิจิทัลเพื่อการเติบโตในอนาคตแล้ว
“การสร้างการเติบโตในฐานะ Cognitive Telco ต้องไม่หยุดเพิ่มพูน ปรับประยุกต์ ผสมผสาน องค์ความรู้เดิมในฐานะผู้ให้บริการอันดับ 1 เข้ากับนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้สอดคล้อง New Normal ให้คนไทย”
ล่าสุดเดินหน้ายกระดับโครงข่ายไฟเบอร์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของ Digital Infrastructure สู่ 2 Gbps เป็นรายแรกของไทย เช่นเดียวกับการพัฒนานวัตกรรมโครงข่าย 5G จนปัจจุบันครอบคลุมสูงสุด อันเป็นการปฏิบัติตามพันธกิจในฐานะผู้รับใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ ที่จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อคนไทยเสมอ
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้งบประมาณเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมประเทศไปแล้ว กว่าล้านล้านบาท แบ่งเป็นส่งมอบเงินให้ประเทศ 523,000 ล้านบาท และลงทุนเครือข่ายและใบอนุญาตกว่า 481,000 ล้านบาท”
ขณะที่ นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS อธิบายเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาเน็ตเวิร์กเพื่อคนไทยว่า “AIS เป็นรายแรกที่ประกาศเปิดตัวการให้บริการ 5G หลังจากได้ใบอนุญาตเพียงไม่กี่วันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง จนถึงปัจจุบัน AIS 5G ให้บริการครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ กว่า 90% ในกรุงเทพฯ ครอบคลุม 100% ในพื้นที่ EEC
โดยที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้วันนี้เริ่มมีการนำเครือข่าย 5G Private Network มาให้บริการจริงเพิ่มขึ้น นอกจากจะสร้าง Business Process รูปแบบใหม่ ๆ หรือช่วยการทำ Digital Transformation ในองค์กรแล้ว ยังช่วยสร้างโอกาสในการลดค่าใช้จ่ายและข้อได้เปรียบเกี่ยวกับอัตราภาษีให้แก่บางอุตสาหกรรมอีกด้วย
ด้าน นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “การเข้าสู่ธุรกิจเน็ตบ้านของ AIS เมื่อ 6 ปีที่แล้วได้พลิกโฉมตลาดเน็ตบ้านให้เน้นที่คุณภาพและนวัตกรรม จากการเปิดตัวอินเทอร์เน็ตบ้าน ความเร็วสูงสุด 1 Gbps รายแรกและรายเดียวที่ให้บริการไฟเบอร์แท้ 100% พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของการแข่งขันที่มุ่งไปที่คุณภาพและประสบการณ์การใช้งานมากกว่าแข่งกันที่ราคา
และล่าสุดสามารถพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ต้อง Work From Home, Learn From Home, Play From Home ด้วยความเร็วระดับ 2 Gbps พร้อมกับนำ Device Brand Name รุ่น Top ที่รองรับการใช้งานถึง 2Gpbs
โดยแพ็กเกจ 2 Gbps ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 บาท รวมถึงยกระดับมาตรฐานบริการใน 24 ชั่วโมง
“AIS Fibre สามารถวางโครงข่ายไฟเบอร์ให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.5 ล้านครัวเรือนในกรุงเทพฯและปริมณฑล และรวมกว่า 8 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 1.7 ล้านราย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 13%”
