Pawook.com ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
มาคุยกันต่อจากฉบับที่แล้วนะครับ 1.Marketing is Dead ทำการตลาดแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อและลักษณะของผู้บริหารด้วย ถ้าเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ๆ
เชื่อว่าการเทงบฯเข้าไปในออนไลน์มากกว่าสื่อแบบเดิม แต่ถ้าเป็นผู้บริหารแบบเก่า ก็อาจใช้งบประมาณกับสื่อเดิม ๆ อยู่ แต่ก็น่าจะเพิ่มงบเข้ามาในออนไลน์เพิ่มขึ้น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
อย่างที่บอกไปเมื่อครั้งที่แล้ว คุณกิ๊ฟ-แคทลียา ท้วมประถม จาก The DesignEssential บอกว่า Marketing is Deadแลนด์สเคปเปลี่ยนไป ลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว คู่แข่งเก่งขึ้น สุดท้ายต้องกลับมาดูว่าสินค้าทำให้ลูกค้าดีขึ้นได้หรือไม่
2.Marketing Move ซึ่งก็คือ Facebook Commerce คุณหนึ่ง-ธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ Facebook Alpha Tester คนแรกของประเทศไทย เป็นคนคอยเทสต์เครื่องมือใหม่ ๆ ของเฟซบุ๊กในประเทศไทย
บอกว่าปี 2565 เครื่องมือของเฟซบุ๊กจะออกมาอีกหลายตัว แต่จะให้น้ำหนักกับ Facebook Group คือมีการสร้างกรุ๊ป และสร้างซับกรุ๊ปขึ้นมา
เฟซบุ๊กกรุ๊ปที่ผมเจอ บางกรุ๊ปมีคน 2-3 ล้านคนเลย ข้อดีคือจะเจอคนที่มีความชื่นชอบคล้าย ๆ กันในห้องนั้น ในแง่นักการตลาดหรือเจ้าของสินค้า target คนได้ง่าย เพราะคนที่มีพฤติกรรมคล้ายกันไปรวมอยู่ด้วยกัน
ตอนนี้มี “เฟซบุ๊กกรุ๊ป” ที่คุยถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย มีอินฟลูเอนเซอร์มียูทูบเบอร์พูดถึงเรื่องที่คนสนใจแทน กลายเป็นว่าคนไม่อยู่ในคอมมิวนิตี้เหล่านั้น แต่กระจายอยู่ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่คนเข้าไปสร้างคอมมิวนิตี้ของตนเองในนั้นได้
นี่คือภัยคุกคามของธุรกิจอย่างหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าเราจะใช้แพลตฟอร์มแบบเดิม ๆ ไม่ได้ เพราะคนเปลี่ยนพฤติกรรม จุดหนึ่งความสนใจของคนจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งคนสนใจหลายอย่าง
นี่คือสวรรค์ของนักการตลาด หรือเจ้าของสินค้า ที่ต้องหากลุ่มนี้ให้เจอ และเข้าไปในกลุ่มนั้น มีปฏิสัมพันธ์ มีเอ็นเกจกับคนในกลุ่มให้เขาชอบ และซื้อสินค้าของเราให้ได้
3.ข้อมูลโฆษณาออนไลน์จะเก่งน้อยลง จากการบล็อกของ Apple ทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้แล้ว คุณต่อ-ณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ จาก Predictive บอกว่า เพราะ iOS หรือ Apple
ตั้งแต่เวอร์ชั่น 14 ถึง 15 ขึ้นไป จะมีการไม่อนุญาตให้แอปต่าง ๆ ติดตามได้ เพราะคนกว่า 70% ปฏิเสธไม่ให้แอปเหล่านี้ติดตาม ทำให้โฆษณาออนไลน์เก่งน้อยลง
เอเยนซี่ต่าง ๆ เริ่มปรับตัว เพราะรู้ว่าโฆษณาในเฟซบุ๊กหรือกูเกิลเริ่มไม่เวิร์กทุกคนเริ่มพูดถึงคำว่า first party data คือข้อมูลที่ลูกค้าให้เรามาตรง ๆ
เช่น ลูกค้ามาซื้อสินค้าเราแล้วให้ชื่อ เบอร์โทรอีเมล์ ฯลฯ แต่ความท้าทายคือ มีกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องระวังด้วย
สิ่งที่ต้องปรับในแง่นักการตลาด คือ1.ต้องเริ่มเก็บข้อมูลลูกค้า คือ first party data อย่างเป็นระบบ 2.ต้องมีการบริหารจัดการให้มีความปลอดภัยที่สุดเมื่อกฎหมายนี้ประกาศออกมา หากข้อมูลนี้หลุดออกไปอาจโดนฟ้องร้องได้
4.Performance Marketing คุณอ้น CMO ของ ProPlugin และเป็น LINE Certified Coach พูดถึง Performance Marketing การตลาดเมื่อก่อนจะพูดถึงการสร้าง branding การทำการตลาดให้คนรู้จัก ได้เห็นสินค้า โลโก้ ฯลฯ และพยายามให้คนไปยังจุดที่ขายสินค้านั้น ๆ
แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้ว สังเกตว่ามีไม่กี่แบบ สินค้าบางตัวออกมาเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ คือซื้อได้ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
เราเริ่มเข้าสู่ยุคที่ผู้ผลิตไม่พึ่งช่องทางการขายสินค้าแบบเดิมแล้ว เรากำลังเริ่มเข้าสู่การทำ Performance Marketing คือการตลาดที่เน้นผลลัพธ์ ทำแล้วยอดขายเพิ่มขึ้นทันที
นักการตลาดในยุคออนไลน์จะควบคุมทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นคนดู คนกดเข้ามา คนซื้อ คนเห็น ฯลฯ ทุกอย่างวัดผลได้หมด เก็บได้หมด คนจะพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้นในปี 2565
5.Crypto Commerce เรากำลังก้าวเข้าสู่การขายของด้วยการใช้คริปโทจ่ายเงิน เมื่อก่อนอาจเป็นกิมมิก แต่วันนี้เป็นของจริงแล้ว เพราะคริปโทมีหลายรูปแบบ และวีซ่าประกาศจับมือคริปโททั่วโลก รองรับการจ่ายผ่านวีซ่าได้แล้ว
หันมาถามตัวเองว่าวันนี้คุณรู้จักคริปโทหรือยัง เคยใช้ไหม ต้องลองลงทุนดูครับ แล้วจะเข้าใจ