นายกฯไฟเขียว ปลดล็อค Capital Gain tax จุดพลุปั้นสตาร์ทอัพไทย

ศุภชัย เจียรวนนท์

นายกฯไฟเขียว ปลดล็อค Capital Gain tax จุดพลุปั้นสตาร์ทอัพไทย สภาดิจิทัลฯ เสนอให้มีการจัดโรดโชว์นำทัพโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อช่วยสร้างสตาร์ทอัพไทยรายใหม่ได้ถึง 5,000 ราย และช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยกลับคืนมาได้ 

วันที่ 22 มกราคม 2565 รายงานข่าวจากสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (DCT) เปิดเผยว่าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)  นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มกราคม2565 ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าจากนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (DTC) และเครือข่ายพันธมิตร ถึงการบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงการคลัง และกรมสรรพการ ในการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยกเว้นภาษี Capital Gains Tax สำหรับการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย  หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติตามข้อเสนอของสภาดิจิทัลฯ เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา

เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพของไทย รวมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าจะประกาศใช้กฎหมายนี้ได้ในไตรมาสแรกปีนี้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯ ได้รายงานต่อที่ประชุม ศบศ. ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการที่สภาดิจิทัลฯ ได้ร่วมกับกรมสรรพากร และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ สวทช. NIA และ ก.ล.ต. เพื่อจัดทำร่าง พ.ร.ฎ.ยกเว้น ภาษี Capital Gains Tax สำหรับการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของกรมสรรพากรในการดำเนินการเสนอร่าง พ.ร.ฎ. ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้สภาดิจิทัลฯ ได้เสนอให้มีการจัดโรดโชว์นำทัพโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ไปยังกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มสตาร์ทอัพที่เป็นเป้าหมายตลอดปี รวมถึงการผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ เกษตรกร ประมง รวมถึง Soft Power ด้านภาพยนตร์ กีฬา และ E-Sport พร้อมการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประกอบการในเรื่องต่าง ๆ เช่น มีที่ปรึกษาในการตอบคำถาม การช่วยประสานงานกับภาครัฐในเรื่องที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลและคู่มือการใช้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เป็นต้น

“สภาดิจิทัลฯเชื่อมั่นว่ามาตรการยกเว้นภาษี Capital Gains Tax และแนวทางส่งเสริมจะสร้างสตาร์ทอัพไทยรายใหม่ถึง 5,000 รายในปี 2565 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ที่เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ถือเป็นความสำเร็จ และเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทย”

นับจากนี้ สภาดิจิทัลฯ จะเร่งดำเนินการประสานและร่วมทำงานในการออก พ.ร.ฎ. ฉบับนี้อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันนโยบายส่งเสริมการลงทุน ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และสตาร์ทอัพแก่ผู้ประกอบการไทยให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

นอกเหนือจากภาพการลงทุนแล้ว สภาดิจิทัลฯ ยังให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนา Ecosystem ให้แข็งแกร่ง โดยจะเน้นพัฒนากำลังคนดิจิทัลให้เทียบเท่าระดับสากล คือ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาทักษะดิจิทัลในกลุ่มทักษะขั้นสูง 3.5 ล้านคนภายในปี 2570 โดยจะมีการสร้างมาตรฐานและใบรับรองหลักสูตรสำหรับทักษะดิจิทัลขั้นสูง

โดยจะส่งเสริมการพัฒนาทักษะของกำลังคน การพัฒนาแพลตฟอร์มและคอนเทนต์ที่ได้รับการรับรอง สนับสนุนให้มีการเลือกเรียนในสาขาดิจิทัลขั้นสูงมากขึ้น รวมทั้งการดึงผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการพัฒนาและเพิ่มจำนวนกลุ่มแรงงานดิจิทัลขั้นสูงในอนาคต

ทั้งนี้ ศบศ. ได้เห็นชอบในมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพ  และได้มอบหมายให้สภาดิจิทัลฯ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร หาข้อสรุปในการในการปรับปรุง พ.ร.ฎ. ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ปี 2559 (ฉบับที่ 597) และปี 2560 (ฉบับที่ 636) เพื่อรายงานความคืบหน้าให้ฝ่ายเลขาฯ และ ศบศ. ภายใน 30 วัน

อีกทั้งยังมอบหมายให้ทางสภาดิจิทัลฯเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรงการคลัง  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบูรณาการและกำหนดแนวทางพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลของประเทศ

ด้านนายศรัณย์ สุตันติวรคุณ นายกสมาคม Thai Venture Capital Association (TVCA) และหุ้นส่วนบริหาร      N-Vest Venture Co., Ltd กล่าวว่า “พ.ร.ฎ.การยกเว้นภาษี Capital Gains Tax ถือเป็นการสร้างสิทธิประโยชน์พื้นฐานที่จำเป็นต่อการส่งเสริมศักยภาพการลงทุนให้กับสตาร์ทอัพและ Tech companies ได้อย่างมาก อีกทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ อาจไม่ใช่ปัจจัยดึงดูดให้ต่างชาติย้ายฐานการลงทุนมาไทยในทันที แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อให้สตาร์ทอัพไทยเติบโตสู้กับประเทศอื่นได้ และทำให้สตาร์ทอัพไทยดึงบุคลากรที่มีศักยภาพจากทั่วโลกมาร่วมสร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ นางณิชาภัทร อาร์ค Director & Thailand Coverage, Openspace Ventures ตัวแทนจากผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ กล่าวว่า “การยกเว้นภาษี Capital Gains Tax จะช่วยดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งการตัดสินใจเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพจะพิจารณาหลายปัจจัย ตั้งแต่แผนธุรกิจและศักยภาพของสตาร์ทอัพ ขนาดของตลาด (Market Size) การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน รวมถึงการพิจารณาเรื่องนโยบายภาษีของประเทศที่จะเข้าลงทุนด้วย

“เป็นเรื่องที่ดีในการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนครั้งนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด”

ทั้งนี้ “สภาดิจิทัลฯ” ยังเดินหน้าในการให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในประเทศไทย ซึ่งถือว่าครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่ดีในการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริงของทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง, ภาคเอกชน พร้อมทั้งกลุ่มนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสภาดิจิทัลฯ จะดำเนินการผลักดัน พ.ร.ฎ. ยกเว้น ภาษี Capital Gains Tax  ให้ออกมาเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างยั่งยืนต่อไป