ไทยเอื้อฟินเทคลำดับ 3 อาเซียน

ไทยพร้อมหนุนฟินเทคติดอันดับ 3 ในอาเซียน โดดเด่นด้านกฎระเบียบนโยบายรัฐ-แรงจูงใจด้านการเงิน แต่ปัญหา “ขาดคน” ส่อแววเปิดช่องให้เวียดนามและอินโดนีเซียแซงหน้า

นายจอย ลิน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เซเรซัส จำกัด ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ด้วยวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data science) เปิดเผยว่า รายงานความสามารถในการแข่งขันด้านฟินเทคในกลุ่มประเทศเอเชีย พบว่าไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน โดยได้ 43 คะแนน จากคะแนนเต็ม 70 ตามหลังสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งได้คะแนน 58 และ 45 ตามลำดับ โดยสิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 1 ของเอเชีย ตามด้วยฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน

โดยผลสำรวจมาจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในงานฟินเทคเฟสต์ที่สิงคโปร์ ข้อมูลจากรายงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิเคราะห์ใน 8 ปัจจัย ได้แก่ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โครงสร้างผู้บริโภคและตลาด สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม ความพร้อมด้านกฎระเบียบและนโยบายของภาครัฐ บุคลากรที่เชี่ยวชาญ แรงจูงใจทางการเงินที่เอื้อต่อการทำธุรกิจฟินเทค ศักยภาพและความมั่นใจในการลงทุนในประเทศนั้น ๆ ปัจจัยทางการเมือง

ไทยมีจุดเด่นด้านความพร้อมของกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐและแรงจูงใจทางการเงิน สะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาล ทั้งยังโดดเด่นในการผลักดันนวัตกรรมอีเพย์เมนต์ อาทิ การผลักดันพร้อมเพย์ และระบบชำระเงินผ่าน QR code แม้ว่าเดิมจะมีสัดส่วนการใช้บัตรเครดิตแค่ 3.7%

“ข้อด้อยของไทยคือ ขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านฟินเทคและนวัตกรรม ซึ่งหากแก้ไขปัญหานี้ได้ เชื่อว่าจะสามารถเป็นฮับของฟินเทคได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยทักษะที่จำเป็นคือ ไฟแนนซ์โปรแกรมมิ่ง วิทยาศาสตร์ข้อมูล เพื่อสร้างมูลค่าของข้อมูลและพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ใช้ได้จริง” แต่หากคะแนนด้านความพร้อมกฎระเบียบภาครัฐ โครงสร้างผู้บริโภคและตลาด สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในไทยไม่ทิ้งห่างเวียดนามและอินโดนีเซียอยู่หลายแต้มก็มีโอกาสสูงที่จะถูกทั้ง 2 ประเทศนี้แซงหน้า เนื่องจากมีคะแนนในส่วนอื่นมากกว่าไทย โดยอินโดนีเซียมีคะแนนด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นจุดอ่อนของไทย สูงกว่าไทยหลายแต้ม