
อสมท เปิดผลประกอบการปี 64 เก็บรายได้ 1,584 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรในรอบ 5 ปี จากการบริหารจัดการ หารายได้เพิ่มของธุรกิจเดิม
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 รศ.เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี2564 อสมท.มีรายได้รวม 1,584 ล้านบาทลดลง 11% จากปี2563 เป็นผลจากความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโทรทัศน์, ธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ และธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล
โดยมีกำไรอยู่ที่ 164 ล้านบาท ถือเป็นการพลิกกลับมามีกำไรเป็นปีแรก นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นผลจากความสามารถในหารายได้ที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงและบริหารต้นทุนที่ดำเนินการต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลงไปและเห็นผลค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“ธุรกิจโทรทัศน์ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากรายได้โฆษณา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการพัฒนาผังรายการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด The Year of Trusted News ด้วยการเพิ่มจำนวนชั่วโมงข่าวและสาระ พร้อมร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตรายการ คัดสรร Content ลงผังรายการช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
ส่วนธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งรายได้โฆษณาผ่าน Social Platform รวมถึงรายได้จากการเป็นผู้จัดจำหน่าย content ในแพลตฟอร์มอื่นทั้งในและต่างประเทศ (Content Business) และส่วนแบ่งรายได้จากการขายสินค้าในธุรกิจ TV Home Shopping ในชื่อ “Shop Mania””
สำหรับธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล มีผู้ใช้บริการช่องสาธารณะรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย คือ ช่อง T Sports 7 (หมายเลข 7) ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยได้รับมอบหมายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นผู้ดำเนินการออกอากาศ ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลของ บมจ. อสมท แบบความคมชัดปกติ (Standard Definition) เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564”
ส่วนธุรกิจวิทยุก็เพิ่งเสร็จสิ้นกระบวนการประมูลใบอนุญาต คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม ไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา บมจ.อสมท เป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม จำนวน 47 คลื่น แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 6 คลื่น และพื้นที่ภูมิภาค จำนวน 41 คลื่น
โดยเมื่อ สำนักงาน กสทช. รับรองผลการประมูลและประกาศชื่อผู้ชนะการประมูลแล้ว บมจ.อสมท จะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ประเภทธุรกิจระดับชาติ ที่มีจำนวนคลื่นและพื้นที่ครอบคลุมมากที่สุด ถือครองคลื่นความถี่วิทยุครอบคลุมทั่วประเทศ สูงสุด 47 คลื่น
โดยจะเร่งสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ฟังและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อตอกย้ำถึงจุดแข็งของธุรกิจวิทยุที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนปรับโครงสร้างและรูปแบบการบริหารจัดการ (Refreshing Organization Structure & Management) การจัดผังรายการให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย (Refreshing Program) การจัดสรรช่วงเวลาออกอากาศ (Broadcasting Time Allocation) ระหว่างสถานีวิทยุแต่ละแห่งกับการออกอากาศของเครือข่ายส่วนกลาง ตลอดจนผลักดันคู่ขนานระหว่างการออกอากาศในรูปแบบเดิมกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยจะเริ่มต้นใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ในวันที่ 4 เมษายน 2565