“ทีเส็บ” ดันภาคเหนือเมืองกาแฟโลก จัด World Tea & Coffee Expo 2023

ภาคเหนือจัดงาน World Tea & Coffee Expo 2023

“ทีเส็บ” ดันภาคเหนือเมืองกาแฟโลก จัด World Tea & Coffee Expo 2023 ระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม 2566 ณ ศูนย์การค้า One Nimman เผยมูลค่าการเติบโตของตลาดกาแฟในภาคเหนือพุ่งหมื่นล้าน

วันนี้ 19 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. (TCEB) แถลงข่าวการจัดงาน World Tea & Coffee Expo 2023 ณ ร้านอาหารชิดลมคาเฟ่ แอนด์ เรสเตอร์รองท์ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นงานประชุมและแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม 2566 ณ ศูนย์การค้า One Nimman

ดร.จุฑา ธาราไชย ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคเหนือ (สสปน.) เปิดเผยว่า สสปน.ได้ใช้กลไกการแสดงสินค้าขับเคลื่อนพืชเศรษฐกิจระดับภาค เพื่อสร้างชื่อเสียง (Destination Branding) ต่อยอดความพร้อมของภาคเหนือตอนบนในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563

โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “A Cup of Success” เพื่อเน้นย้ำถึงความสำเร็จของธุรกิจชาและกาแฟในไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ภายในงานแบ่งเป็นสองส่วน ได้แก่ ส่วนของงานแสดงและจำหน่ายสินค้า บริเวณพื้นที่ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และส่วนของงานประชุมวิชาการนานาชาติในชื่อ The 3rd Tea and Coffee International Symposium ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre

ภาคเหนือจัดงาน World Tea & Coffee Expo 2023

โดยในส่วนของงานแสดงสินค้าประกอบด้วยบูทของผู้ประกอบการจำนวน 50 ราย แบ่งเป็นบูทผู้ประกอบการชาและกาแฟภาคเหนือ ได้แก่ ผู้ประกอบการจากเชียงใหม่ น่าน และเชียงราย รวมทั้งภาคอื่น ๆ จำนวน 45 ราย และต่างประเทศจำนวน 5 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ตามที่ สสปน. กำหนดไว้

ไม่ว่าจะเป็นในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และมาตรฐานของสินค้า การนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิต และศักยภาพที่สามารถต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต เป็นต้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่จะเป็นโอกาสทางการค้าที่สำคัญของผู้ประกอบการคือ การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งในครั้งนี้มีการเชิญคู่ค้า หรือ buyer จากทั่วประเทศจำนวนราว 20 ราย และจากต่างประเทศจำนวน 5 ราย โดยการเจรจาจะมีทั้งรูปแบบออฟไลน์ภายในงาน และการเจรจาผ่านทางออนไลน์

ดร.จุฑากล่าวต่อว่า คาดการณ์มูลค่าซื้อขายจากการเจรจาธุรกิจอยู่ที่ 8 ล้านบาท และส่วนของการซื้อขายภายในงานอยู่ที่ 2 ล้านบาท จำนวนผู้เข้าชมตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 คน ทั้งนี้ โอกาสทางการค้าที่สําคัญของผู้ประกอบการคือ การเจรจาธุรกิจ (Business Matching)

โดยมี buyer จากทั่วประเทศ 20 ราย อาทิ ซีพี โออาร์ ปตท. และแบล็คแคนยอน เป็นต้น รวมถึง buyer จากต่างประเทศ จํานวน 5 ราย ได้แก่ buyer จากบราซิล กัวเตมาลา ลาว ญี่ปุ่น และเวียดนาม

ในส่วนของงานประชุมวิชาการนานาชาติ Tea & Coffee International Symposium จะเป็นการประชุม Hybrid แบบเต็มวันในวันที่ 26 มกราคม 2565 ณ ห้องประชุม Niman Convention ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยได้เชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งกงสุลต่างประเทศมาแลกเปลี่ยน และให้ความรู้ในห้วข้อต่าง ๆ

ได้แก่ A cup Of success : ความสำเร็จของ ธุรกิจชาและกาแฟในไทย บทบาทความสำคัญ ของหน่วยงานต่าง ๆ ในการมีส่วนร่วมและผลักดันอุตสาหกรรมชาและกาแฟ, Light Cup : ทิศทางตลาด ชา และกาแฟไทยกับแนวโน้มตลาดโลก, Meduim Cup : ตลาด ชาและกาแฟในไทย โอกาสและอุปสรรคในการเติบโต, Dark Cup : เจาะลึก การส่งออก และการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ และ Special Cup : Tea and Coffee Tourism ชากาแฟกับ โอกาสในการต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษ A Cup of Country ซึ่งเป็นการนำเสนอ สาธิตการชงเครื่องดื่มชา กาแฟจากประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนและแสดงถึงทั้งคุณค่าและความยิ่งใหญ่ของเครื่องดื่มชา กาแฟที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทั่วโลกมายาวนานจนถึงปัจจุบัน

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกชาและกาแฟจำนวนราว 67,000 กว่าไร่ ซึ่งพบว่าในช่วง 2-3 ปีนี้ ภาพรวมการเติบโตของตลาดกาแฟในภาคเหนือมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท

ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนมูลค่าตลาดในจังหวัดเขียงใหม่มากกว่า 50% เนื่องจากเชียงใหม่เป็นทั้งแหล่งปลูกกาแฟและร้านกาแฟมากกว่า 3,000 ร้าน ขณะที่ผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อการส่งออก ยังต้องนำเข้าเพื่อนำเมล็ดมาบดคั่วอีกด้วย

นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า เทรนด์ของคนยุคปัจจุบันมีกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ขณะเดียวกัน กาแฟและชายังเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ในตลาดโลกพบว่า เฉพาะกาแฟมีอัตราการเติบโต 16-18% มีมูลค่าตลาดทั่วโลกราว 1,700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ร้านชาและกาแฟยังเป็นสไตล์ที่ผูกโยงกับการท่องเที่ยว กลายเป็นจุดเช็กอิน โดยจังหวัดเชียงใหม่มีร้านกาแฟที่จดทะเบียนการค้ากับกรมสรรพากร จำนวน 3,510 ร้าน เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร