“ผึ้งโพรง” ธุรกิจทำเงิน ตอบโจทย์ตลาด-สิ่งแวดล้อม

ผึ้งโพรงไทย แหล่งรายได้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อย ปัจจุบันในจังหวัดพัทลุงมีผึ้งโพรงกว่า 3,000 รัง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสูงถึงปีละกว่า 9 ล้านบาท แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาด ต้องผลิตเพิ่มอีกปีละ 1,000 กิโลกรัม (กก.) ขณะเดียวกันก็แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายทำยอดขายกระฉูด ทั้งสบู่ก้อน โลชั่น ลิปสติก เครื่องดื่ม ฯลฯ

“วีรยา สมณะ” เลขานุการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงปันแต และนักวิชาการผึ้งโพรงไทย จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีเครือข่ายการเลี้ยงผึ้งโพรงรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 รัง ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่ภาพรวมการเลี้ยงผึ้งโพรงไทยในจังหวัดพัทลุงยังมีอนาคตสดใส โดยมีผึ้งโพรงกว่า 3,000 รัง ให้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 18,000 ขวด/ปี หรือ 18,000 กก.

โดยราคาขายต้นทางอยู่ท่ี่ขวดละประมาณ 500 บาท โดย 1 ขวดมีน้ำหนักราว 1 กก. ขณะที่ราคาปลายทางในบางพื้นที่อยู่ที่ขวดละ 800 บาท ซึ่งรวมเบ็ดเสร็จแล้วจะมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้
ไม่ต่ำกว่า 9 ล้านบาท/ปี

ทั้งนี้ การเลี้ยงผึ้งโพรงมีทั้งรูปแบบทั่วไปและรูปแบบการเลี้ยงนวัตกรรมซึ่งการเลี้ยงผึ้งแบบนวัตกรรมแตกต่างจากการเลี้ยงแบบทั่วไปตรงที่การเก็บผลผลิตจะทำได้ง่ายกว่าการเลี้ยงแบบทั่วไป เพราะใช้การขึงรังผึ้งในลังไม้ที่สามารถดึงออกมาจากอุปกรณ์เก็บได้ง่าย ทำให้สามารถเก็บน้ำผึ้งได้โดยตัวรังไม่เสียหาย

“ถ้าเลี้ยงแบบนวัตกรรม จะได้ผลผลิตรังละประมาณ 20 ขวด หรือ 20 กก./ปี เก็บเกี่ยวทุก 15 วัน ทำให้มีรายได้รังละประมาณ 10,000 บาท/ปี แต่ถ้าเลี้ยงแบบทั่วไปจะเก็บเกี่ยว 1-2 ครั้ง/ปี และได้ผลผลิตรวม 6 ขวด หรือ 6 กก. หรือมีรายได้รังละประมาณ 3,000 บาท/ปี”

ปัจจุบันน้ำผึ้งโพรงไทยมีปริมาณความต้องการของตลาดสูงมาก ดีมานด์เกินกว่าผลผลิตที่ได้ในแต่ละไม่น้อยกว่า 1,000 กก. โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะซื้อเพื่อการบริโภค และซื้อเป็นของฝาก ถือได้ว่าลูกค้าในตลาดแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องการบริโภค

“ข้อดีของการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย เป็นรูปแบบปลอดสารพิษ และในการเลี้ยงก็ไม่ต้องพึ่งพาอาหาร ลงทุนแค่การผลิตรัง กับเสาสำหรับให้ผึ้งอยู่อาศัยที่สำคัญผึ้งโพรงไทยสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสบู่ก้อน สบู่เหลว โลชั่น ฯลฯ สำหรับสบู่ก้อน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ก้อนละ 100 บาท ไปจนถึง 250 บาท ขณะนี้้ผลิตได้เฉลี่ยเดือนละ 500 ก้อน

“วีระพล ห้วนแจ่ม” ประธานวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงปันแต จังหวัดพัทลุง เผยว่า การเลี้ยงผึ้งโพรงไทยแบบนวัตกรรมเป็นการเลี้ยงโดยใช้กระบวนกา รส่งผลให้ได้น้ำผึ้งมากกว่าแบบเดิมถึง 3 เท่า และน้ำผึ้งที่ได้มีคุณภาพสูง จึงจำหน่ายได้ในราคาสูงขึ้นด้วย

“ในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย เกษตรกรจะมีต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะผึ้งโพรงไทยมีอยู่แล้วในธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อและหา ให้ผึ้ง ส่วนรังเลี้ยงไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง เก็บน้ำผึ้งครั้งเดียวก็คุ้มทุน”

ในส่วนของอุปกรณ์การเลี้ยงจะใช้รังเลี้ยง และคอนผึ้งที่พัฒนาเพื่อใช้เลี้ยงผึ้งโพรงโดยเฉพาะ สามารถเก็บน้ำผึ้งได้ง่ายและได้น้ำผึ้งที่สะอาด โดยไม่สูญเสียประชากร ผึ้งและลูกอ่อนผึ้ง ทั้งยังสามารถเก็บน้ำผึ้งได้ทันทีไม่ต้องสร้างรังใหม่ ซึ่งถือเป็นการทำการเกษตรแบบเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่ “ไพรวัลณ์ ชูใหม่” นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ภาพรวมผึ้งโพรงไทยที่เลี้ยงในจังหวัดพัทลุง มีเกษตรกรเลี้ยงกว่า 30 กลุ่ม ประมาณ 3,000 รัง ใน 11 อำเภอ เป็นการทำการเกษตรที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจะเลี้ยงผึ้งโพรงไทยได้นั้น พื้นที่ต้องปลอดสารเคมี เช่น ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง รวมไปถึงการเผาขยะ เนื่องจากผึ้งรับความรู้สึกไวต่อสิ่งแวดล้อมมาก

สำหรับพัทลุงแต่ละครัวเรือนมีผึ้งเพียงแค่ 2 รัง ก็จะมีรายได้เพียงพอในการจ่ายค่าไฟฟ้า ขณะนี้น้ำผึ้งโพรงยังผลิตได้ไม่พอต่อความต้องการตลาด ปัจจัยสำคัญมาจากความแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจและถือเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร

เพราะผึ้งโพรงเป็นแนวทางทำการเกษตรที่นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องการสร้างรายได้แล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันด้วย