ค่าฝุ่นหมอกควันภาคเหนือพุ่งไม่หยุด เชียงใหม่คุมเข้มช่วง 10 วันอันตราย

จังหวัดเชียงใหม่ตรึงกำลังลาดตระเวนอย่างเข้มข้นช่วง 10 วันอันตราย ระหว่าง 17-26 มีนาคมนี้ ที่มีสถิติเกิดจุด Hotspot มากสุดในรอบปี ด้านอุตุฯชี้อากาศร้อนและทิศทางลมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าฝุ่นละอองในภาคเหนือสูงขึ้น
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ของวันนี้ (20 มี.ค.61) คุณภาพอากาศยังอยู่ในสภาวะปกติ ค่าฝุ่นละอองยังไม่เกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) โดยพบสูงสุดที่ตำบลช้างเผือกอยู่ที่ 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งในห้วง 51 วันห้ามเผา พบว่าวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา มีจุด Hotspot จำนวน 90 จุด แต่เมื่อเทียบสถิติของปี 2560 ในช่วงเวลาเดียวกัน พบจุด Hotspot ทั้งหมด 609 จุด จะเห็นได้ว่ามีสถิติที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วง 10 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 17-26 มีนาคม เนื่องจากสถิติของปี 2559 และ 2560 พบว่าเป็นห้วงที่มีจุดความร้อนสะสมมากที่สุด จึงได้แจ้งเตือนให้หน่วยที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการมาตรการเข้มข้น โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานอย่าประมาท พร้อมต้องตรึงกำลังในการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเป็นการกดดันให้ผู้ที่ตั้งใจจุดไฟ อาจจะเกรงกลัวแล้วไม่จุด

ด้านนายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร นักอุตุนิยมวิทยาชำนาญการพิเศษ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นทุกปีบริเวณภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ โดยในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมีนาคม ประกอบกับมีการเผาในที่โล่งเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งในช่วงเช้าจะมีอากาศเย็นจะได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นที่กดตัวลง และไม่สามารถทำให้มลพิษในอากาศที่สะสมอยู่ ลอยตัวสู่ชั้นบรรยากาศได้ แต่ในช่วงบ่ายสภาพท้องฟ้าจะเริ่มดีขึ้น อากาศในจังหวัดเชียงใหม่จะเริ่มร้อน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 37-38 องศาเซลเซียส โดยอากาศร้อนจะทำให้มลพิษและฝุ่นละอองลอยตัวสูงขึ้น รวมทั้งมีลมพัดพาเอาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ไป โดยในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มีจุด Hotspot จากประเทศเมียนมาค่อนข้างเยอะ เมื่อลมทางทิศตะวันตกพัดเข้ามา ก็จะเป็นปัจจัยทำให้ค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม จากรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ โดยสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ตรวจพบค่าระหว่าง 54-123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก, ต.พระบาท อ.เมือง ลำปาง, ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ และก๊าซโอโซน (O3) ตรวจพบค่าระหว่าง 19-118 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.นาจักร อ.เมือง แพร่ และ ต.จองคำ อ.เมือง แม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ จากประกาศของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงฟ้าผ่า ซึ่งภาคเหนือจะเริ่มได้รับผลกระทบในช่วงระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม 2561 จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และแม่ฮ่องสอน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงวันและเวลาดังกล่าว สำหรับเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย