
นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำจังหวัดอุบลราชธานี แนะน้ำท่วมทุกปี คณะทำงานต้องกล้าเปลี่ยนวิธีบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี มั่นใจปีนี้น้ำไม่ท่วมหนักเท่าปีที่ผ่านมา
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในจังหวัดอุบลราชธานี ที่สำนักงานชลประทานที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เลี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยได้รับรายงานจากนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนัก ประกอบกับมวลน้ำที่ไหลมารวมกัน ทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำจำนวน 10 อำเภอ จำนวน 62 ตำบล 13,460 ครัวเรือน ซึ่งได้รับผลกระทบหลายด้าน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ข้างเคียงมักประสบปัญหาน้ำท่วมตลอด โดยได้ตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถบูรณาการในระยะยาวได้ และเข้าใจว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้น เพราะไม่ใช่แค่เกิดความเสียหายกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ยังเกี่ยวโยงกับภาคเกษตรกรรม ตลอดจนปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมา และสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้
“เราต้องยอมรับว่าต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ผมเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาระยะสั้นยังทำได้อีก ทำได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชน ตอนนี้เวลาเหลือน้อยก่อนน้ำหลากมาถึง หากเราทำอะไรได้ก็ต้องทำ ผมอยากคุย อยากวางแผน เพื่อให้น้ำไม่เยอะเท่ากับปีที่แล้ว และน้อยลงกว่าปีที่แล้วให้มากที่สุด”
นายเศรษฐากล่าวว่า จากที่ผ่านมาน้ำท่วมทุกปี และมักนำความเสียหายมาให้กับชาวอุบลราชธานีตลอด อยากฝากคณะทำงานไว้ว่าต้องกล้าที่จะเปลี่ยนวิธีบริหารจัดการบ้าง ต้องมาดูว่าอะไรทำได้ไม่ได้ อย่าใช้แต่วิธีเดิม เพราะสถานการณ์ของแต่ละปีเปลี่ยนแปลงไปมาก และสถานการณ์น้ำที่จังหวัดอุบลราชธานีตอนนี้ยังมีความน่าเป็นห่วง แต่จะให้สถานการณ์อย่างเมื่อปีที่แล้วเกิดขึ้นอีกไม่ได้
“ถ้าอุทกภัยเกิดขึ้นทางหน่วยงานภาครัฐเราพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ แต่ดีกว่าหากไม่เกิดน้ำท่วม ซึ่งเราต้องมีการบริหารจัดการน้ำท่วมโดยวิธีใหม่ ๆ มั่นใจว่าจะต้องไม่มีน้ำท่วม หากท่วมต้องกินเวลาที่น้อยมาก เกือบจะแน่นอนว่าช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีน้ำจะเข้าพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
ฉะนั้น การบริหารจัดการน้ำสำคัญที่สุด ให้แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ซึ่งวิธีเดิมทำอยู่ทำดีแล้ว แต่วิธีใหม่ต้องเพิ่มเข้ามา มั่นใจว่าน้ำปีนี้จะไม่ท่วมหนักเท่าปีที่ผ่านมา”