“โกดังขนม” ลำพูนบุก กทม.ชูขายแฟรนไชส์เบเกอรี่แช่แข็ง 10 สาขา

Sutta
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

โกดังขนม แบรนด์เบเกอรี่ของทุนท้องถิ่นจังหวัดลำพูน ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการเบเกอรี่ ด้วยชื่อชั้นความอร่อยที่ยาวนานกว่า 8 ปี เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางบนถนนซูเปอร์ไฮเวย์จากจังหวัดลำปาง ผ่านจังหวัดลำพูน มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องแวะจอดรถซื้อเบเกอรี่หิ้วเป็นของฝากญาติสนิทมิตรสหาย ด้วยจุดเด่น “เบเกอรี่แช่แข็ง” (Frozen Bakery) คงความสด และรสชาติเหมือนเพิ่งออกจากเตาอบใหม่ ๆ เพียงนำไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟ

ล่าสุดขยายสาขามาปักฐานหัวเมืองหลักเชียงใหม่ พร้อมเตรียมก้าวสู่ธุรกิจ “แฟรนไชส์” อย่างเต็มระบบ ตั้งเป้าขายแฟรนไชส์ 10 สาขาภายในปี 2567 “สุฑตา สุวรรณกุล” CEO “โกดังขนม” ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ”

เริ่มจากเงิน 5 หมื่นบาท

สุฑตาเล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มาช่วยธุรกิจโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ “ธนบูรณ์เฟอร์นิเจอร์” ของครอบครัว ที่บ้านม้า จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ทำมาราว 40-50 ปี และด้วยความชอบทำอาหารและขนม

จึงได้มีโอกาสไปเรียนทำเบเกอรี่กับคุณป้าท่านหนึ่งซึ่งรู้จักกับคุณแม่ ที่กำลังจะเลิกกิจการโรงงานเบเกอรี่เล็ก ๆ ในจังหวัดลำพูน และต้องการถ่ายทอดสูตรวิชาการทำขนม (เค้กใบเตยและชิฟฟ่อน) ให้ใครสักคนได้สืบทอดต่อ ตนจึงตัดสินใจเทกโอเวอร์กิจการของคุณป้าท่านนั้นเมื่อปี 2559 ที่ขายทุกอย่างทั้งเครื่องจักรอุปกรณ์และสูตรขนมให้ในราคาเพียง 50,000 บาท ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ แบรนด์ “โกดังขนม” ที่แตกไลน์จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้สู่ธุรกิจเบเกอรี่อย่างเต็มตัว

โดยในปี 2560 ได้ลงทุนสร้างโรงงานเบเกอรี่เล็ก ๆ มูลค่าราว 3 ล้านบาท บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ก่อนถึงแยกดอยติ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัว ตั้งชื่อว่า “โกดังขนม” ซึ่งมีที่มาจากโซนที่ตั้งของโรงงานเป็นเขตอุตสาหกรรม ที่ชาวบ้านละแวกนั้นจะเรียกโซนนั้นว่า โกดัง เพราะมีโกดังโรงงานตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ตนจึงลองเรียกตัวเองว่า “โกดังขนม”

สุฑตาบอกว่า เบเกอรี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน เสียง่าย เก็บยาก ทำออกมาแล้วต้องขายวันต่อวัน ซึ่งจุดเริ่มต้นของโกดังขนมเมื่อ 8 ปีที่แล้ว จึงต้องต่อสู้กับความคิดของลูกค้า ที่ต้องการเบเกอรี่ที่มีความสดใหม่และออกใหม่ทุกวัน เป็นโจทย์ท้าทายที่แก้ไขด้วยการแช่แข็ง (Frozen) ทันทีเมื่อเบเกอรี่ออกจากเตาอบ โกดังขนมจึงถือเป็นธุรกิจ Frozen Bakery ที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ ที่สามารถเติบโตได้ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ

ADVERTISMENT

โกดังขนม

“ช่วงแรก ๆ ลูกค้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องแช่แข็ง บางคนไม่ซื้อ บอกว่าขนมไม่สด แต่จริง ๆ แล้วขนมมีความสดกว่า เพราะออกจากเตาอบและฟรีซเลยทันที เป็นการล็อกความเย็นไว้ตลอดเวลา สามารถเก็บได้เป็นเดือน รสชาติไม่เปลี่ยน จากนั้นมีลูกค้ากลุ่มกรุงเทพฯที่เดินทางขับรถมาเที่ยวและซื้อเป็นของฝาก หมดกังวลเรื่องขนมจะเสีย และขนมของเราไม่ใส่สารกันเสีย ลูกค้าเดินทาง 12 ชั่วโมงกลับกรุงเทพฯ นำไปแช่แข็งในตู้เย็นอีกที เอาออกมาอุ่นไมโครเวฟก็ยังคงสดใหม่ รสชาติเหมือนเพิ่งออกจากเตาอบ ตลาดหลักของเราจึงเป็นสินค้ากลุ่มของฝาก”

ADVERTISMENT

โดยเบเกอรี่ทุกชนิดของโกดังขนมเมื่อออกจากเตาอบ จะใช้ห้องบลาสต์ฟรีซเซอร์ Blast Freezer (ห้องแช่แข็งเร็ว) อุณหภูมิ -30 ถึง -35 องศา เป็นห้องเย็นสำหรับแช่เยือกแข็งอาหารที่ถูกควบคุมอุณหภูมิห้องอยู่ที่ -30 องศาเซลเซียส สำหรับ Freezer สินค้าให้เย็นเร็ว โดยไม่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นการรักษาคุณภาพอาหารได้ดีที่สุด

สุฑตากล่าวว่า ในช่วงระยะ 8 ปี โกดังขนมมีสาขาที่ลงทุนเองรวมทั้งสิ้น 3 สาขา สาขาแรกเป็นสำนักงานใหญ่และเป็นครัวกลางในการผลิตสินค้า ตั้งอยู่ริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ฝั่งขาเข้าเมืองลำพูน ก่อนถึงดอยติ สาขาที่ 2 อยู่ในปั๊ม ปตท.ลำพูน ฝั่งตรงข้ามสำนักงานใหญ่ และล่าสุดขยายสาขาที่ 3 มาจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ปักหมุดอยู่ย่านถนนกำแพงดิน

สำหรับรายได้ของ 2 สาขาที่ลำพูน อยู่ที่เดือนละ 300,000 บาทต่อสาขา รวมรายได้ 2 สาขา 7,200,000 บาทต่อปี โดยคาดว่าการขยายสาขามาเชียงใหม่จะส่งเสริมให้รายได้เพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว คาดว่ารายได้ปี 2567 ของทั้ง 3 สาขารวมกันจะอยู่ที่ราว 15 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีสาขาที่อำเภอเชียงดาว และอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่โกดังขนมร่วมทำ Brand X Brand ด้วย รวมถึงสาขาอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ที่เป็นแฟรนไชส์สาขาแรก

ปั้นโมเดลสู่ธุรกิจแฟรนไชส์

สุฑตาบอกว่า การขยายสาขามาเชียงใหม่ เป็นความตั้งใจที่อยากทำมานานแล้ว แต่ไม่กล้ามา เพราะคำว่าเชียงใหม่ปราบเซียน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทดลองมาแล้วครั้งหนึ่ง มาเช่าตึกที่ 89 พลาซ่า และย่านนิมมาน แต่อยู่ได้แค่ 3 เดือน เพราะลูกค้าน้อย ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราคือ ซื้อเป็นของฝาก กล่าวได้ว่า โกดังขนม เป็นสินค้าประจำจังหวัดลำพูน ที่ใครมาลำพูนจะซื้อเป็นของฝาก สัดส่วนซื้อเป็นของฝาก 90% ลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนผู้บริโภคทั่วไปในลำพูน 10%

ด้วยความที่เชียงใหม่เป็นเมืองคาเฟ่ แนวการแต่งร้านจึงเป็นแนวคาเฟ่ ปรับปรุงอาคารด้วยงบฯรีโนเวต 3 ล้านบาท และที่ตั้งของร้านอยู่ย่านถนนกำแพงดิน เป็นโซนท่องเที่ยวใกล้คลองแม่ข่า เปรียบคล้ายคลองโอตารุ เมืองฮอกไกโด

ซึ่งเป็นเมืองขนม มีคลองให้คนเดินเล่น มีโซนร้านขนมจำนวนมาก การขยายสาขามาเชียงใหม่จึงเป็นการเติมเต็มความฝันของตนที่อยากทำร้านขนมเหมือนย่านคลองโอตารุ เมืองฮอกไกโด ซึ่งคลองแม่ข่าที่ไหลผ่านด้านหลังร้าน จึงเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการมานั่งจิบชากาแฟและขนม โดยสาขาเชียงใหม่จะเป็นโมเดลแฟรนไชส์ที่ผสมผสานระหว่างร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะขยายแฟรนไชส์ในปีนี้

ปี’67 ลุยแฟรนไชส์ 10 สาขา

สุฑตา กล่าวต่อว่า แผนปี 2567 ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์โกดังขนม 10 สาขา โดยมองในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก อาทิ โคราช อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย เพชรบูรณ์ และกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจกับนักลงทุนหลายราย โดยเฉพาะนักลงทุนกรุงเทพฯให้ความสนใจมาก คาดว่าจะเปิดแฟรนไชส์ที่กรุงเทพฯราวปลายปี 2567

ทั้งนี้ หากใครสนใจลงทุนก็มาคุยกันได้ โดยรูปแบบแฟรนไชส์ของโกดังขนมทำได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบคาเฟ่&เบเกอรี่ หรือเปิดในปั๊มน้ำมัน ซึ่งเราได้ทดลองแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ หรือหากมีทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สามารถทำได้เช่นกัน ต้องดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก

โดยเราจะถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดให้กับแฟรนไชส์ เพราะคนที่อยากทำแฟรนไชส์ส่วนใหญ่อยากก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จเลย โดยที่ไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ สามารถมีรายได้และกำไรเลย เรามาเชียงใหม่เพื่อทดลองให้เป็นโมเดล คือเป็นแฟรนไชส์ที่มีขนมที่ทำสดด้วย และมีคาเฟ่ด้วย ซึ่งจะนำโมเดลนี้ไปทำแฟรนไชส์ในหัวเมืองใหญ่ ๆ

โกดังขนม

ส่วนโมเดลที่เราพร้อมขายแฟรนไชส์ได้เลยคือ โมเดลเทกอะเวย์ (Take Away) กึ่งคาเฟ่ โดยสามารถเอาขนมที่เป็น Frozen มาอุ่นเสิร์ฟลูกค้ารับประทานในร้านง่าย ๆ ได้

ทั้งนี้ จุดแข็งของโกดังขนม คือ เป็นสินค้าของฝาก รายได้ที่แฟรนไชส์ได้จะอยู่ที่วอลุ่มที่ลูกค้าซื้อแบบเทกอะเวย์ หรือซื้อกลับไปเป็นของฝากจำนวนมาก ๆ

“เราวางโพซิชันนิ่งเป็นของฝากประจำถิ่น และอนาคตจะก้าวสู่โกลบอล เอาแบรนด์โกดังขนมไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งต้องมีแฟรนไชส์ในประเทศที่แข็งแรงก่อน ก่อนจะขยายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศในอนาคต”

ชู 4 ซิกเนเจอร์เด่น

สุฑตาบอกว่า สินค้าของโกดังขนม มีทั้งหมด 4 ไอเท็ม คือ กลุ่มขนมปัง กลุ่มครัวซองต์ กลุ่มเค้ก และกลุ่มขนมเปี๊ยะ โดยสินค้าเด่นที่เป็น Signature และขายดีที่สุด ได้แก่ 1.ครัวซองต์ ลาวากรอบนอกนุ่มใน ทำจากเนยสดแท้ สอดไส้ลาวาครีมชีสรสละมุน หอมมัน ในราคาเพียงชิ้นละ 35 บาท 2.โอซาก้า ชีสเค้ก มีส่วนผสมชีส ครีม และไข่ ไม่มีแป้งผสมเลย นุ่มนวลละมุนละลายในปาก 3.ขนมเปี๊ยะหงส์ลาวาไข่เค็ม 4.ขนมเปี๊ยะมังกรลาวาไข่เค็ม รสชาติกลมกล่อม หอมละมุน

โดยครัวซองต์ ลาวา เป็นสินค้าขายดีที่สุด ผลิตสัปดาห์ละ 2,000 ชิ้น ขนมเปี๊ยะผลิตสัปดาห์ละ 1,000 ชิ้น ซึ่งภาพรวมการผลิตสินค้าทุกไอเท็มอยู่ที่ราว 30,000 ชิ้นต่อเดือน ผลิตจากครัวกลางที่จังหวัดลำพูน

สำหรับสินค้ากลุ่มครัวซองต์และขนมเปี๊ยะจะมีอายุอยู่ได้นาน 6 เดือน ส่วนเค้กและขนมปังมีอายุอยู่ได้ 1 เดือน ขณะเดียวกันทีม R&D อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเบเกอรี่ตัวใหม่อย่างโดนัทนมสด ที่เตรียมออกสู่ตลาดภายในปีนี้

แบรนด์ “โกดังขนม” วางจุดขายเด่นเป็น Frozen Bakery เจาะตลาดกลุ่มสินค้าของฝาก พร้อมสู่การเติบโตด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ ที่มองไกลถึงระดับโกลบอลในอนาคต