นับตั้งแต่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินมีมติเห็นชอบไม่ขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พ.ศ. 2548 และปรับเปลี่ยนให้พื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ถูกคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2561 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 61 ถือเป็นการนำร่องตามแนวทางที่รัฐบาลต้องการผลักดันภายใต้กรอบแนวคิด “นโยบายสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่มีการนำ 3 เมือง ได้แก่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
มาพัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบ มีการพัฒนาพื้นที่พิเศษ รองรับการลงทุนจากภาคเอกชน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ โดยมีการตั้งงบประมาณรวมกว่า 5,000 ล้านบาท เข้าไปพัฒนา แบ่งเป็นงบประมาณปี 2560 จำนวน 3,000 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 1,000 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 500 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 100 ล้านบาท
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8-10 พ.ค. 2561 ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อติดตามความก้าวหน้าในโครงการต่าง ๆ พบว่า ปัจจุบันภาครัฐมีความพยายามในการพัฒนาอำเภอเบตงให้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อชายแดนและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ถนน ท่าอากาศยาน รวมถึงการสร้างเสถียรภาพระบบไฟฟ้า
ชงของบฯ 3 พันล.ขยายถนน
“ภิรมย์ นิลทยา” รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จ.ยะลามีโครงการขยายถนนเส้น 410 ของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นถนนสายหลักมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.เบตง จาก 2 เลนเป็น 4 เลน ระยะทางกว่า 140 กม. เนื่องจากปัจจุบันถนนมีลักษณะโค้งหักศอก คดเคี้ยว และลาดชัน ส่งผลให้รถพ่วง 22 ล้อ และรถบรรทุกทั่วไป สัญจรได้ยาก ซึ่งการขยายถนนจะก่อให้เกิดความสะดวกในการสัญจรเป็นผลดีแก่การท่องเที่ยว รวมถึงสามารถขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางเบตงไปสู่ปีนังได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ส้มโชกุน ทุเรียน มังคุด และไม้ยาง เป็นต้น รวมถึงเชื่อมโยงการพัฒนาในกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งปัตตานี สงขลา และนราธิวาส ช่วยลดต้นทุนของภาคเอกชนในการดึงดูดนักลงทุนอีกด้วย
“สมนึก เศียรอุ่น” ผู้อำนวยการแขวงทางหลวง จ.ยะลา กรมทางหลวง เปิดเผยว่า มีการจัดทำแผนการขยายถนนเส้น 410 เพื่อนำเสนอต่อผู้เกี่ยวข้องในโอกาสต่าง ๆ ภายใต้โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจฯ ประกอบด้วย ทางหลวง 410 ยะลา-ตะบิงติงงิ ระยะทาง 16.5 กม. วงเงินงบประมาณ 760 ล้านบาท ทางหลวง 410 ตะบิงติงงิ-บ่อหิน ระยะทาง 39 กม.
วงเงินงบประมาณ 1,520 ล้านบาท และทางหลวง 410 บ่อหิน-เบตง ระยะทาง 38 กม. วงเงินงบประมาณ 740 ล้านบาท รวมวงเงินงบประมาณ 3,020 ล้านบาท แต่จะเริ่มดำเนินโครงการได้เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับสำนักวางแผนกรมทางหลวงพิจารณาความเหมาะสม
นอกจากนี้ในส่วนโครงการสำรวจพื้นที่สำหรับการเจาะอุโมงค์บริเวณบ้านกระป๋อง อำเภอธารโต ขนาดความกว้าง 12 เมตร และมีความสูง 7 เมตร เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางคดเคี้ยวเข้าสู่เบตง ได้มีการศึกษาเตรียมจัดทำมาหลายปีถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากเป็นพื้นที่ในป่าอุทยานแห่งชาติบางลาง และอาจมีงบประมาณสูงเกินกว่า 1,000 ล้านบาท
เปิดใช้ “สนามบินเบตง” ปี”63
ด้านโปรเจ็กต์ใหญ่โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง มูลค่า 1,300 ล้านบาท ล่าสุดมีความคืบหน้าไปกว่า 47% คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดสัญญาในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 และมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 โดยมีลักษณะเป็นท่าอากาศยานขนาดเล็ก บนพื้นที่ 920 ไร่ มีขนาดรันเวย์ยาว 18,000 เมตร กว้าง 30 เมตร รองรับเครื่องบินขนาด 50-70 ที่นั่ง เช่น เอทีอาร์ 72 ได้ 3 ลำ
โดยมีอาคารผู้โดยสารขนาด 7,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) รองรับผู้โดยสาร 300 คน/ชั่วโมง เป็นงบประมาณรวมกว่า 1,316 ล้านบาท นอกจากนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติขยายพื้นที่สนามบินเพิ่มเติมออกไปอีก 80 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม
โรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มศักยภาพพื้นที่
“ดำรงค์ ดีสกูล” นายอำเภอเบตง กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.เบตงมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับบ่อย เนื่องจากที่ทำการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ห่างจากเขื่อนบางลาง ซึ่งใช้ผลิตไฟฟ้าถึง 70 กม.
รวมไปถึงการทำลายเสาไฟฟ้าแรงสูงของผู้ก่อความไม่สงบบริเวณ อ.ธารโต ทำให้จำเป็นต้องเร่งจัดทำนโยบายเพื่อรับมือการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ให้มีเสถียรภาพ
โดยมีการจัดทำโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่จำนวน 2 โรง บริเวณ กม.19 โดยบริษัท เบตงกรีนเพาเวอร์ จำกัด ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 50% คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 7 เมกะวัตต์ และอีกแห่งบริเวณ กม.13 อยู่ระหว่างการดำเนินการสร้าง รับผิดชอบโดยบริษัท พี.ซี.เบตง กรีนเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 5 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังมีแนวทางจัดหาเครื่องสำรองไฟจำนวน 7 เครื่องผลิตไฟฟ้าได้ 7 เมกะวัตต์เพื่อหล่อเลี้ยง อ.เบตงในสภาวะฉุกเฉิน และระหว่างรอโรงไฟฟ้าชีวมวลดำเนินการสร้างแล้วเสร็จ โดยจะติดตั้งเสร็จในเดือนสิงหาคม 2561 ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาไฟฟ้าดับใน อ.เบตงในระยะสั้นได้
จี้ปรับ “ผังเมือง” ดึงลงทุน
ในขณะที่มีการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่ผังเมืองใหม่ของอำเภอเบตงกลับมีความล่าช้าในการดำเนินงาน
“สมยศ เลิศลำยอง” นายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า มีการเสนอผังเมืองไปให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย พิจารณาหลายปีก่อนแต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ โดยปัญหาของผังเมืองเบตงในปัจจุบันคือ มีพื้นที่สีเหลือง (พื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย) อยู่ไม่มากนัก ทำให้การขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์มีข้อจำกัด และส่งผลกระทบต่อทิศทางการพัฒนาเบตง ที่กำลังจะเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวในเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
นอกจากนี้พื้นที่สีเหลืองหลายแห่งน้ำประปา และไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ขณะที่หลายพื้นที่มีลักษณะเป็นภูเขาและเหวลึก ประสบภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงบางพื้นที่มีราคาสูงถึง 1 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งการขยายถนนเพื่อดึงดูดนักลงทุนนั้น จำเป็นต้องเร่งจัดการผังเมืองควบคู่ไปด้วย เพราะหากยังติดล็อกพื้นที่สีเขียว จะทำให้นักลงทุนไม่สามารถลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นได้นอกจากทำการเกษตร
หากโปรเจ็กต์โครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐสำเร็จตามเป้า อาจทำให้ “ยะลา” กลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญในเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่จะสำเร็จหรือไม่ ปัจจัยใน “พื้นที่” ก็มีส่วนสำคัญ