ยักษ์ใหญ่รถโดยสาร นครชัยทัวร์ เตรียมลดเที่ยววิ่งรถโดยสารลง 30% หลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นราคา
หลังจากที่นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารอีก 10 สตางค์ต่อกิโลเมตร เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถโดยสารทั่วประเทศ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ทางกระทรวงคมนาคมยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร โดยให้เหตุผลว่ากำลังอยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ทั้งหมดภายใน 2 เดือนนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ล่าสุดบ่ายวันนี้ (23 พฤษภาคม 2561) นายชัยวัฒน์ วงศ์เบญจรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครชัย 21 จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด ผู้ประกอบการรถโดยสารรายใหญ่ของภาคอีสาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันรถโดยสารในเครือนครชัย ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทนครชัยทัวร์ และบริษัทนครชัย 21 ปัจจุบันมีรถโดยสารวิ่งให้บริการอยู่จำนวน 130 คัน โดยมีทั้งที่วิ่งระหว่างจังหวัดในภาคอีสาน และวิ่งระหว่างกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา โดยรถโดยสารส่วนใหญ่เติมน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงรวมแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500,000 ลิตร
โดยปัจจุบันมีการจัดเก็บค่าโดยสารตามโครงสร้างราคาน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งขณะนั้นราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 19.69 บาท หลังจากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นระยะเวลาผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ราคาลิตรละมากกว่า 30 บาท แต่ยังไม่เคยได้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ค่าน้ำมัน ค่าแรงขั้นต่ำ และค่าครองชีพก็เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้หากยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสารให้สมเหตุสมผล ก็จะทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมาก ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายต้องขอลดเที่ยววิ่งรถโดยสารแทน เพื่อลดภาระต้นทุนลง โดยทางบริษัทนครชัยฯ ก็ได้ทำหนังสือยื่นต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอลดเที่ยววิ่งลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์แล้วเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลเรียกร้องมาโดยตลอดว่า ต้องการให้ผู้ประกอบการพัฒนารถโดยสารให้มีคุณภาพ ทั้งบริการ และตัวรถยนต์ แต่ในทางกลับกันถ้าผู้ประกอบการมีผลกำไรน้อย หรือประสบกับปัญหาขาดทุน ผู้ประกอบการจะมีเงินที่ไหนไปใช้ในการพัฒนารถโดยสาร ดังนั้นการปรับค่าโดยสารควรให้สมเหตุสมผล รวมทั้งการปรับลดภาษีการนำเข้ารถโดยสาร เพื่อให้ผู้ประกอบการมีกำลังในการซื้อรถโดยสารคันใหม่ไปให้บริการกับประชาชน