ไทย-จีน ผลักดันการท่องเที่ยวสู้ระดับโลก พร้อมหารือซิงเกิ้ลวีซ่า 4 ประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานรายว่า นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกิตติ ทิศสกุล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ และประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย พร้อมด้วยนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งของ จ.เชียงราย เดินทางไปหารือกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยมีนางหม่า หง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิบสองปันนานำนักธุรกิจท่องเที่ยวของจีนร่วมหารือ ณ โรงแรมไท้กู่ เมืองเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา

ทั้งนี้ มีการเปิดให้ภาคเอกชนได้หารือกันโดยตรง และนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของตนเองมาจัดแสดงให้อีกฝ่ายที่สนใจเข้าติดต่อเพื่อสร้างตลาดร่วมกัน ซึ่งมีนักธุรกิจไทยนำสินค้าใหม่ๆ ที่พบว่าคนจีนนิยมไปจัดแสดง เช่น นมอัดเม็ด ผ้า กระเป๋า ฯลฯ และได้รับความสนใจเช่นกัน

นายอิทธิฤทธิ์ เปิดเผยว่า การนำคณะภาคเอกชนจากประเทศไทยเดินทางไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในครั้งนี้ก็เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายให้กระชับแน่นมากขึ้น เพราะในส่วนของ จ.เชียงราย และสิบสองปันนา ถือว่ามีความสัมพันธ์กันมาแล้วเป็นอย่างดี โดยเนื้อหาของกิจกรรมคือ เน้นให้ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ และภาครัฐให้การสนับสุนด้วยคาดหวังให้การท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงพัฒนาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกร่วมกันต่อไป

นายกิตติ กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยที่เดินทางไปเราเน้นความหลากหลายในการไปพบปะกับนักธุรกิจจีน โดยมีทั้งโรงพยาบาลไปด้วย เพราะะปัจจุบันการพักผ่อนด้านสปาและดูแลสุขภาพด้านสมุนไพรเป็นที่นิยมของชาวจีน รวมทั้งยังมีนักธุรกิจจากภาคใต้เดินทางร่วมไปด้วย ชาวจีนนิยมเดินทางผ่านภาคเหนือของไทยไปเที่ยวทะเลอย่างมาก ซึ่งหลังการหารือระหว่างนักธุรกิจด้วยกันจะได้ทำให้เกิดเครือข่ายที่แต่ละฝ่ายสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจของตนเองได้เป็นอย่างดีต่อไป และเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การท่องเที่ยว 5 เชียง คือเชียงใหม่ เชียงราย เชียงรุ้ง เชียงทอง (หลวงพระบาง สปปป.ลาว) และเชียงตุง ประเทศเมียนมา ที่เคยผลักดันเป็นรูปธรรมได้ต่อไป

ด้านนางหม่า หง กล่าวว่าเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาพยายามผลักดันตัวเองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ในฐานะเป็นเมืองหน้าด่านที่จะเข้าสู่ประเทศจีนทางตอนใต้ โดยในช่วง 3-5 ปีหลังมีการผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดผู้ว่าการสิบสองปีนนาก็เดินทางไปประชุมความร่วมมือกับทั้ง 4 ชาติลุ่มน้ำโขงคือไทย สปป.ลาว จีน และเมียนมา เพื่อทำข้อตกลงร่วมมือการท่องเที่ยว เนื่องจากด้วยภูมิศาสตร์แล้วเราไม่สามารถพัฒนาเองได้แต่ต้องอาศัยความร่วมมือกับประเทศต่างๆ

และผลที่ได้ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นเป้าหมายสำคัญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนเป็นหลัก ส่วนคนไทยพบว่าในปี 2558 ไปเยือนสิบสองปันนาแค่ประมาณ 80,000 คน ต่อมาปี 2560 พบว่าเพิ่มมากขึ้นเป็นกว่า 100,000 คนแล้ว และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ขณะที่คนจีนพบว่ามีเดินทางไปเยือนประเทศไทยอย่างล้นหลามอยู่แล้ว และหากสามารถพัฒนาให้สิบสองปันนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกได้อย่างสมบูรณ์ ก็จะเชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆ และ จ.เชียงราย เพื่อรับประโยชน์ร่วมกันได้อย่างแน่นอน

ขณะที่นายเถียน ไขว่ ซิง กรรมการผู้จัดการบริษัทเหยินต๋า จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง กล่าวว่าบริษัทเปิดกิจการท่องเที่ยวในสิบสองปันนามานานกว่า 13 ปี ต่อมาปี 2560 ที่ผ่านมาได้ขยายไปตั้งสาขาที่ต่างประเทศโดยเฉพาะที่แขวงอุดมไชย สปป.ลาว ติดกับประเทศไทย และมีแผนจะมาเปิดการลงทุนในประเทศไทยด้วย ปัจจุบันรัฐบาลจีนมีโครงการวันเบลวันโรดดังนั้นจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ภาคเอกชนมุ่งแสวงหาความร่วมมือในการขยายการท่องเที่ยวสู่ลุ่มน้ำโขงมากขึ้น


โดยสิ่งที่กำลังผลักดันให้เป็นรูปธรรมคือการคมนาคมโดยเฉพาะเรื่องวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวโดยพยายามให้แต่ละประเทศใช้วีซ่าเดียวหรือซิงเกิ้ลวีซ่าแล้วสามารถใช้เดินทางไปได้ใน 4 ประเทศคือไทย สปป.ลาว จีนตอนใต้ และเมียนมา ซึ่งหากเป็นจริงก็จะทำให้การท่องเที่ยวมีความสะดวกมากขึ้นโดยเฉพาะในปี 2565 การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีน-สปป.ลาว จะเปิดใช้งานซึ่งจะทำให้การคมนาคมทางบกสะดวกอย่างมาก และหากมีซิงเกิ้ลวีซ่าก็เอื้อให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมแต่ละประเทศได้สะดวกมากขึ้นต่อไป