
ตลาดอัญมณีโดนพิษเศรษฐกิจชะลอ ฉุดกำลังซื้อลูกค้าจีน อเมริกา ยุโรป คาดครึ่งปีแรกลด 10-20% ส.อ.ท.เตรียมชงคลังขอยกเว้นภาษี หนุนไทยศูนย์กลางอัญมณีเบียดฮ่องกง จันทบุรีอ้อนขอศูนย์กลางค้าพลอยก้อน กระตุ้นการซื้อขาย ลดต้นทุนนำเข้า
นายอดิศักดิ์ ถาวรวิริยะนันท์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงปี 2567 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ จ.จันทบุรี ช่วงครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน 2567) มีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10-20%
เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อลูกค้าหลัก จีน อเมริกา ยุโรป อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์น่าจะฟื้นตัวในไตรมาสแรกปี 2568 หากตลาดจีน อเมริกา ยุโรป และอินเดีย เริ่มฟื้นตัว ส่วนตลาดเครื่องประดับมูลค่าน่าจะทรงตัว
เพราะวัตถุดิบในการทำเครื่องประดับ เช่น ทองคำ เพชร มีมูลค่าสูง ส่วนตลาดพลอยศรีจันทร์ จ.จันทบุรี มูลค่าการซื้อ-ขายลดลงไปในทิศทางเดียวกันประมาณกว่า 10-20% โดยลูกค้าหลักอย่างจีนได้ซื้อลดลง
“ตลาดอัญมณีเป็นตลาดระดับบน คุณภาพสูง ซึ่งปีนี้ถดถอยชัดเจน แต่กลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่างที่ราคาไม่สูงนัก ได้ลูกค้าหลักอินเดียทำให้ตลาดกระเตื้องขึ้น การนำเข้าพลอยก้อนจากต่างประเทศเข้ามาเป็นวัตถุดิบจะช่วยให้ธุรกิจอัญมณีอยู่ได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยจะเข้าถึงวัตถุพลอยก้อนได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปซื้อต่างประเทศที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น” นายอดิศักดิ์กล่าว
นายชายพงษ์ นิยมกิจ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี และเจ้าของร้านธัญญมณี เจมส์ กล่าวว่า ข้อมูลรายงานของภาครัฐมูลค่าตลาดอาจจะไม่ลดลงชัดเจนหรือสวนทางกัน คาดว่าน่าจะเป็นสินค้าที่มีออร์เดอร์ค้างอยู่
แต่สิ่งที่สามารถชี้ได้ชัดเจนคือ สภาพตลาดการค้าที่ลดลงจากสภาพเศรษฐกิจของโลก สะท้อนผ่านการออกบูทงาน Bangkok Gems&Jewelry Fair ที่กรุงเทพมหานครและฮ่องกง มีมูลค่าซื้อขายลดลง
เช่นเดียวกับตลาดอัญมณีที่จังหวัดจันทบุรี ผู้ประกอบการต้องพยายามควบคุมต้นทุน การนำเข้าพลอยก้อน ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงวัตถุดิบมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะรายใหญ่ที่เดินทางไปซื้อที่ต้นทางหรือทำการประมูลได้
“ยุทธศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีเมืองศูนย์กลางการค้าพลอยก้อนของโลกควรจะเดินต่อ การเจรจากับประเทศต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบพลอยบางตัวที่อาจจะต้องการซื้อ-ขายไป อนาคตผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับตัวในเรื่องของการสร้างบาลานซ์กับประเทศที่มีวัตถุดิบ ที่ต้องการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม
ขณะที่ไทยมีโนว์ฮาว ถ้าจะร่วมมือกันทำธุรกิจแบบทวิภาคีการค้าระดับประเทศ จับมือกับประเทศแอฟริกาที่มีวัตถุดิบ ต้องชัดเจน ไม่ได้เข้าไปแบบโรบินฮูด” นายชายพงษ์กล่าว
นายบัณฑิตย์ พินิจสุขใจ ประธานฝ่ายอัญมณี สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.จันทบุรี และเจ้าของร้านฟารีแดทเจมส์ กล่าวว่า รัฐบาลควรสนับสนุนการตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนพลอยก้อน เพราะจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาตลาดพลอย อัญมณีของไทย
ขณะที่พลอยดิบที่คุณภาพดีหายาก เมื่อก่อนเคยได้มาจากพม่า ตอนนี้ไม่ได้เพราะพม่ามีตลาดประมูล ต้องเข้าไปประมูลเอง หรือถ้าไปประมูลแข่งกันที่กรุงเทพมหานคร แต่ละลอตเป็นหลัก 100 ล้านบาท โรงงานในจันทบุรีเข้าถึงยาก
ถ้าจัดตั้งที่จันทบุรี มีข้อดี รัฐจัดเก็บภาษีได้ และการประมูลได้ราคาที่พึงพอใจทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย ผู้ขายไม่ถูกกดราคาเหมือนหิ้วเข้ามา จริง ๆ แล้วตลาดประมูลถ้าพัฒนาได้ถึงตลาดประมูลพลอยสำเร็จรูปได้จะดีมาก เพราะจะตัดปัญหาคนกลางกดราคา
นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่า 10,433.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.4% โดยปกติมูลค่าการค้าน่าจะขยายตัวได้ 20% แต่ปริมาณไม่ได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มาจากความต้องการซื้อจากต่างประเทศลดลงจากสินค้าทดแทนจากประเทศคู่แข่งอย่าง จีน อินเดีย ที่มีสินค้าราคาถูกกว่า เห็นได้จากยอดขายจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เมื่อกันยายน 2567 ยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลมาจากวัตถุดิบ เช่น เงิน ทอง รวมไปถึงราคาพลอยมีราคาผันผวน มีผลต่อต้นทุนและการผลิตสินค้า
“อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ช่วยทำตลาดการค้าการส่งออกให้มากขึ้น ช่วยยกระดับงานแสดงสินค้าอัญมณีไทยให้มีความสำคัญเทียบเท่างานแสดงสินค้าอัญมณีที่ฮ่องกง อย่างไรก็ตาม สินค้าเครื่องประดับเงินยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่เป็นต้นทุนสำคัญ
ดังนั้น ทาง ส.อ.ท.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นจากสมาชิก เพื่อทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอให้พิจารณาแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องอัตราภาษีที่เก็บในกลุ่มอัญมณี เครื่องประดับเงิน ที่มองว่ายังเป็นอุปสรรคต่อการค้า การส่งออกของผู้ประกอบการ
โดยคาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณา ทบทวนแก้ไข เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันกับต่างประเทศได้ เช่น VAT 7% ภาษีเหมาจ่าย เป็นต้น” นายวิบูลย์กล่าว