หอการค้า 5 ภาคชงบิ๊กโปรเจ็กต์ รถไฟเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน

high speed train

หอการค้าจัดประชุมทั่วประเทศ ชงสมุดปกขาว รวมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจถึงมือรัฐบาล เปิดแผน 5 ภาคปักหมุดโครงการยักษ์ แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง หมอกควัน เร่งรัดรถไฟไฮสปีดต่อลมหายใจภาคตะวันออก ภาคใต้ไม่น้อยหน้าตั้งเป้ารถไฟเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน ด้วยงบ 5 หมื่นล้านบาท ไม่ทิ้งแลนด์บริดจ์ หออีสานโชว์เลี้ยงโคพรีเมี่ยมส่งออกตลาดโลก ภาคกลางเน้นสร้างถนนทะลวงปัญหาจราจร

หอการค้าชงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้ ที่สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน : CONNECT FOR GROWTH INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE

ทั้งนี้ หอการค้าไทย พร้อมด้วยเครือข่ายภาคเอกชนทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย หอการค้าจังหวัด ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าต่างประเทศ สมาคมการค้า และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ระดมความเห็นเพื่อจัดทำเป็นแนวทางและข้อเสนอแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สมุดปกขาว หอการค้าไทย ปี 2567) ซึ่งจะมอบให้กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนของรัฐบาลรับมอบ

เนื้อหาสมุดปกขาว ประกอบไปด้วย ข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน + 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งภาคเอกชนอยากเห็นประเทศไทยเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยมีเป้าหมายให้ GDP ไทยเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 4%

เหนือชง 5 หมื่นล้าน แก้น้ำท่วม

นายสมบัติ ชินสุขเสริม ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หอการค้าภาคเหนือจะนำเสนอโครงการพัฒนาภาคเหนือ ระยะปี 2567-2570 โดยมี 4 เรื่องสำคัญ ซึ่งคาดว่างบประมาณจะอยู่ที่ราว 50,000 ล้านบาท ได้แก่

1.แผนการบริหารจัดการภัยพิบัติ มี 2 โครงการ คือ 1) เรื่องน้ำ จากปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัดภาคเหนือปีนี้ ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่ต้องแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อกักเก็บน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม อาทิ จังหวัดน่าน ที่ปริมาณอ่างเก็บน้ำไม่เพียงพอที่จะรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก ช่วยกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ด้วย คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณราว 40,000 ล้านบาท 2) การแก้ปัญหาหมอกควัน และการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลได้ช่วยผลักดันและสนับสนุนให้เกิดการแก้ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออย่างจริงจังและเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ADVERTISMENT

2.โครงการส่งเสริมการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการพัฒนาด่านการค้าชายแดน ได้แก่ ด่านบ้านฮวก จังหวัดพะเยา และด่านห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นด่านการค้าเชื่อมกับ สปป.ลาว ที่ต้องยกระดับการค้าให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ พบว่าอุปสรรคของการค้าคือ การทำงานของแต่ละหน่วยงานในพื้นที่มีความทับซ้อนกัน

3.โครงการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ซึ่งภาคเหนือต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นหลังเหตุการณ์น้ำท่วม โดยข้อเสนอของแต่ละพื้นที่ต้องการให้มีการส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าสู่พื้นที่

ADVERTISMENT

4.โครงการเกษตรมูลค่าสูง จะผลักดันเส้นทางการปลูกกาแฟ 10 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้เป็นเส้นทางปลูกกาแฟที่สำคัญของภาคเหนือที่เชื่อมโยงกัน เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาดกาแฟที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และเป็นการทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างข้าวโพด ซึ่งจะช่วยลดปัญหา PM 2.5 ในระยะยาว นอกจากนี้ ข้อเสนอของหอการค้ากลุ่มจังหวัด ต้องการผลักดันให้เกิดศูนย์กระจายสินค้าและจุดถ่ายเทสินค้าที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อที่จะสามารถเก็บสต๊อกพืชผลทางการเกษตรได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทั้ง 3 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน โครงการท่องเที่ยวมูลค่าสูง และโครงการเกษตรมูลค่าสูง คาดว่างบประมาณอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาท โดยเมื่อรวมโครงการทั้งหมด 4 โครงการ งบประมาณจะอยู่ที่ราว 50,000 ล้านบาท

ตะวันออกผนวกปราจีนฯสู่ EEC

นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับแผนงานและโครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีอยู่แล้ว ผลักดันให้สำเร็จโดยเร็ว โดยไม่ต้องไปทำโครงการใหม่ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี เพื่อรองรับการใช้น้ำในพื้นที่อีอีซี

นอกจากนี้ อยากให้นำพื้นที่บางส่วนของจังหวัดปราจีนบุรีผนวกรวมเป็นพื้นที่อีอีซีด้วย เช่น พื้นที่บริเวณอำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตประกอบการอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก เพราะปัจจุบันโรงงานหลายแห่งอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันกับที่รัฐบาลส่งเสริม เพื่อจะให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับโรงงานที่ตั้งอยู่ในอีอีซี และเป็นการจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรีมีนิคมอุตสาหกรรมของเอกชน และสังกัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) หลายแห่ง มีโรงงานอุตสาหกรรมนับพันแห่งตั้งอยู่ เช่น เขตประกอบการอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี, สวนอุตสาหกรรม 3 แห่ง คือ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง อำเภอกบินทร์บุรี, โรงงาน 304 อินดัสเตรียลปาร์ค อำเภอศรีมหาโพธิ, โรงงานโรจนะ อินดัสเตรียล แมเนจเม้นท์ อำเภอศรีมหาโพธิ, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี และมีนิคมสังกัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คือ 1.นิคมอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรี 2.นิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 3.นิคมอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์

อีสานศูนย์กลางเกษตรอาหาร

นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลุ่มหอการค้าภาคอีสานจะเร่งรัดโครงการเดิมให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด จากการผลักดันด้านผลผลิตการเกษตร, การค้าชายแดน, การท่องเที่ยวและซัพพลายเชน

สิ่งที่จะเร่งรัดผลักดัน คือ ภาคการเกษตร ได้ตั้งเป้าหมายให้อีสานเป็น “พื้นที่เกษตรอาหาร” ยกระดับรายได้ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร พร้อมส่งเสริมการเป็นเกษตรสมัยใหม่ ตามหลักการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor : NeEC – Bioeconomy) ได้แก่ โครงการสนับสนุนเลี้ยงโคพรีเมี่ยม ขยายพื้นที่การผลิตในแถบภาคอีสานตอนบนมากขึ้น เตรียมจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สร้างโรงเชือดมาตรฐาน เพื่อการส่งออกสู่ตลาดโลก

“รวมถึงการขับเคลื่อน จ.อุดรธานี ให้เป็นจังหวัดชายแดน สนับสนุนเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดหนองคาย เพื่อสิทธิประโยชน์ลงทุนของคนในพื้นที่ ต้องการผลักดันให้สอดรับกับโครงสร้างทางคมนาคมที่มีอยู่ ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง จึงอยากให้ลดความมั่นคง ให้มองเป็นเรื่องเศรษฐกิจ”

หอภาคใต้ดันแลนด์บริดจ์

นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และรักษาการประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ต้องการเร่งรัด 3 โครงการ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1.รถไฟเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน มี 2 เส้นทาง คือ สุราษฎร์ธานี-พังงา-กระบี่-ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี-ท่าเรือดอนสัก งบประมาณ 50,000 ล้านบาท หากโครงการแล้วเสร็จจะรองรับนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดฝั่งอันดามันได้มากขึ้น 2.โครงการแลนด์บริดจ์ ท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดชุมพร เเละจังหวัดระนอง โดยมีเส้นทางเชื่อมท่าเรือ 2 เเห่ง ถ้าทำสำเร็จจะสร้างรายได้มหาศาล

3.รถไฟทางคู่ นครปฐม-ปาดังเบซาร์ จะช่วยให้การค้าและการลงทุนดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรจะโดยสารส่งผ่านระบบรางได้เร็วขึ้น

ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการสนามบินอันดามัน จ.พังงา เพื่อลดความแออัดของสนามบินภูเก็ตและกระบี่ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางทางการบิน งบประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้หลาย 10 ล้านคน รวมถึงโครงการที่เสนอไปแล้วอยู่ระหว่างการจัดงบประมาณ ได้แก่ โครงการขยายช่องจราจร ถนนระนอง-บ้านพะโต๊ะ-หลังสวน เสนอจาก 2 ช่อง ให้เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อลดระยะเวลาการขนส่งระหว่างฝั่งอันดามัน-ฝั่งอ่าวไทย

หอกลางชูปทุมฮับโลจิสติกส์

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หอการค้า 5 ภาคเตรียมยื่นแผนพัฒนาเศรษฐกิจบรรจุในสมุดปกขาว จะเร่งรัดโครงการต่าง ๆ ที่เคยเสนอไปแล้วให้เกิดเป็นรูปธรรม 1.โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เช่น แก้ปัญหาการจราจร ถนนพระราม 2, โครงการสร้างทางรถไฟ (สุพรรณบุรี-อยุธยา) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้, โครงการสร้างทางรถไฟ (สุพรรณบุรี-อยุธยา) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงการผลักดันโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) การแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการพัฒนาเมืองรองรับการอยู่อาศัยต่อจากกรุงเทพฯ เช่น ขนส่งมวลชน โลจิสติกส์

2.โครงการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง มี 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น จะต้องทำฝาย ทำประตู ทำการขุดลอกคูคลองในเขตเมืองเพื่อป้องกันน้ำท่วม, ระยะกลาง ขอให้มีการศึกษาผังเมืองเพิ่มเติม พิจารณาแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทางน้ำสาธารณะ และระยะยาว จะมุ่งเน้นไปที่แผนจัดการลุ่มน้ำของไทย การจัดการน้ำทั้งระบบให้สามารถป้องกันน้ำท่วมและแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง

3.ด้านการเกษตร ส่งเสริมการทำเกษตรเชิงผสมผสาน เนื่องจากเกษตรเชิงเดี่ยวไม่สามารถสร้างรายได้และแก้ปัญหายากจนได้

4.ชูการพัฒนา Smart City โดยจะเริ่มจากการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการพัฒนาเมืองให้รองรับการอยู่อาศัยต่อจากกรุงเทพฯ เช่น การแก้ไขผังเมือง, การจัดระบบสาธารณูปโภค การบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง, ระบบโลจิสติกส์, การขนส่งมวลชน รวมถึงส่งเสริมให้ จ.ปทุมธานี เป็นศูนย์การกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ เนื่องจากมีความพร้อมทางบกและทางอากาศ เส้นทางสัญจร รวมถึงคลังสินค้า DC

5.ส่งเสริมให้ จ.ปทุมธานี เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ เนื่องจากมีความพร้อมทางบกและทางอากาศ เส้นทางสัญจร รวมถึงคลังสินค้า DC