
สกสว. ลุยแก้ PM 2.5 ปักหมุดเชียงใหม่ ทำแผนปฏิบัติการ ตั้งเป้าคุมค่าฝุ่นให้เกินมาตรฐานได้ ไม่เกิน 50 วัน/ปี ลดสถิติผู้ป่วยนอนเตียงโรงพยาบาล 1,000 คน/ปี สกัดจุดฮอตสปอตการเผาในที่โล่ง ไม่เกิน 4,000 จุด/ปี คาดปี’69 ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด บรรลุผลปลอดภัยไร้ฝุ่นควัน
ที่โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สก.สว.) พร้อมภาคีเครือข่าย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ การจัดแผนเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 ระยะ 5 ปี ของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยวิจัย นวัตกรรม และกลไกภาคี PES ( Payment for Ecosystem Service ) โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุม
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่าการกำหนดให้ใช้มาตรการหยุดเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยต้องอาศัยความรู้ด้านวิจัย นวัตกรรมมาช่วยให้ความรู้หาวิธีกำจัดเศษซากวัสดุทางการเกษตรต่าง ๆ ทดแทนการเผาทำลาย โดยการจัดงานครั้งนี้เป็นเรื่องดี ในฐานะหัวหน้าทีมฝ่ายปฏิบัติยินดีจะได้รับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ และนวัตกรรมจาก กองทุน ววน. เพื่อให้การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ร่วมทำงานแก้ปัญหาไปพร้อมกัน
นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ปาฐกถา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 8 เป้าหมายสำคัญ ของ กสว. และการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 มุ่งเป้าภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด โดยกล่าวว่า จากนโยบายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ กสว. 8 เป้าหมายสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทยต้องปลอดจากฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในปี 2569 และกำหนดพื้นที่เบื้องต้นใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน
โดยเป็นการขยายผลของการนำเอางานวิจัยมาใช้แก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ทำงานแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “SRI for ALL” ของ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่นำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหา เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา
โดยเหตุผลที่จัดงานครั้งนี้ในจังหวัดเชียงใหม่เพราะเป็นเมืองที่สำคัญในมิติเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวของประเทศ และยังอยู่ภายใต้เป้าหมายของการนำงานวิจัยไปตอบโจทย์ปัญหาที่กำลังเผชิญและต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5
“ปัจจุบันทั้งภาครัฐ หน่วยงานส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้เร่งระดมหาทางออกให้กับจังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดวิกฤตเมืองที่มีค่ามลพิษติดอันดับโลกให้กลับสู่ภาวะปกติ เอื้อต่อการอยู่อาศัย การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ พร้อมส่งเสริมให้เป็นเมืองที่ใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม”
นายแพทย์สิริฤกษ์กล่าวว่า สกสว.และหน่วยงานภาคีจัดประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น นำไปสู่เป้าหมายดังที่กล่าวมา ถือเป็นการ “คิกออฟ” กระบวนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือตอนบนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทางกองทุน ววน. ได้จัดสรรงบประมาณในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในปีงบประมาณ 2566-2567 ประมาณ 130 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2568 ขยายพื้นที่ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน งบประมาณทั้งสิ้น 450 ล้านบาท และคาดว่าจะจัดสรรงบฯเพิ่มเติมอีกในปีต่อไปอีก 450 ล้านบาท รวม 2 ปี 900 ล้านบาท
นายแพทย์สิริฤกษ์กล่าวต่อว่า กสว.จะต้องเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้บรรลุผลภายใน 2 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2569 มีเป้าหมายคือ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจะต้องปลอดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และไร้หมอกควัน ในเบื้องตัน ได้วางแผนปฏิบัติการ 3 ขั้น
- จำนวนวันที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ไม่เกิน 50 วัน/ปี
- ลดจำนวนสถิติผู้ป่วย COPD ที่แอดมิตครั้งแรก จากสาเหตุฝุ่นไม่ให้เกิน 1,000 คน/ปี
- ลดจำนวน Hotspot (จากแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 จากการเผาในที่โล่ง) ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่เกิน 4,000 จุด/ปี
ด้าน ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผอ.สกสว. กล่าวว่า สกสว.ในฐานะเลขาฯ กสว. มีบทบาทในการนำองค์ความรู้งานวิจัย และนวัตกรรมมาใช้แก้วิกฤต PM 2.5 โดยที่ผ่านมา ระบบ ววน. มีการแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนงานวิจัยเพื่อ แก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มา อย่างต่อเนื่อง แผนงาน Haze Free Thailand และปัญหา PM 2.5 (สนับสนุนทุนในปี 2563-2567) 2) แผนงาน P24 แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤตเร่งด่วนของประเทศ
โดยมุ่งประเด็นวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM 2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ (สนับสนุนทุนในปี 2566-2567) ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานจากหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม (PMUs) ทั้งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ร่วมกันโดยกำหนดกลุ่มการดำเนินงานเป็น Work Package (WP) ตามมิติการดำเนินงาน ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการการขยายผลเพื่อบูรณาการความร่วมมือและสร้างความเข้มแข็งในการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 ทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ต่อไปในยุทธศาสตร์เป้าหมายของ สกสว.