วิกฤตส่งออกทุเรียนชะงัก หวั่นฤดูพีกเพิ่ม 1.4 ล้านตัน

ผู้ส่งออกทุเรียนส่อวืดขายจีนช่วงตรุษจีน วงการวุ่นหนัก ชี้วิกฤตหนักกว่าช่วงโควิด หวั่นกระทบช่วงพีกทุเรียนจันท์ 1.4 ล้านตัน ออกสู่ตลาด จี้รัฐเร่งเจรจาขอผ่อนผันจีน งดตรวจซ้ำรายที่เครดิตดี ตรวจผ่านรอบแรก พร้อมตลาดในประเทศเตรียมดูดซับผลผลิต ถ้าส่งออกจีนชะงัก ด้านกรมการค้าภายในเข้มงวด ห้ามล้งกดราคาทุเรียน ฮึ่มโทษหนักทั้งคุกทั้งปรับ

หลังจากที่สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) แจ้งพบปัญหาการใช้สารย้อมสี Basic Yellow 2 หรือ BY2 ในทุเรียนส่งออกของไทย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B จีนกำหนดทุกลอตที่ส่งออกต้องแนบผลวิเคราะห์ Test Report สาร Basic Yellow 2 และแคดเมียม

ล่าสุดมีทุเรียนไทย 100 กว่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งผ่านด่านทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ไปจีนก่อนวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน (26-28 ม.ค. 2568) ถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีใบรายงานผลการทดสอบ

จี้รัฐเจรจาจีนขอผ่อนผันตรวจซ้ำ

นายกมล ภูมิพงษ์ไทย นายกสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ ( MAFTA) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด (DMA) สมาคมทุเรียนไทย (TDA) ได้ขอความร่วมมืองดการใช้สารชุบเติมแต่งสีในกระบวนการผลิตทุเรียนเพื่อการส่งออกไปจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุเรียนไทยมีความปลอดภัย 100% จะได้ปลดล็อกได้ก่อนถึงฤดูกาลภาคตะวันออก

ทางสมาคมอยากให้ภาครัฐเจรจาขอยืดหยุ่นในการส่งออกกับทางการจีน หากผู้ประกอบการรายใดไม่พบสาร BY2 จะขอผ่อนผันให้ผู้ประกอบการรายนั้น ๆ ไม่ต้องถูกตรวจสารซ้ำซ้อนอีก เพราะตอนนี้ห้องปฏิบัติการที่ตรวจสาร BY2 ได้มีเพียง 6 แห่งในไทย

หอจันท์เร่งรับมือก่อนฤดูกาล

นายอุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้า จ.จันทบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ประชุมเครือข่ายด่วนกรณีจีนเข้มงวดห้ามนำเข้าทุเรียนที่มีสาร BY2 และแคดเมียม และได้หารือกับหน่วยราชการรับมือสถานการณ์ส่งออกทุเรียนภาคตะวันออก 1.4 ล้านตันในปี 2568 เสนอยุทธศาสตร์เร่งด่วน 3 เรื่อง คือ เร่งรัด รับมือ และเสริมสร้าง

ADVERTISMENT

1) เร่งรัดการออกใบ Test Report BY2 และแคดเมียมให้ทัน ไม่ให้เกิดสภาพคอขวด 2) เตรียมรับมือกับผลผลิตที่ส่งออกไม่ได้ โดยกระจายผลผลิตบริโภคภายในประเทศอย่างรวดเร็ว 3) รุกสร้าง “แบรนด์คุณภาพทุเรียนไทย” กรมการค้าต่างประเทศต้องทำภาพใหญ่ให้เห็นศักยภาพ คุณภาพทุเรียนไทย

“วันที่ 25 มกราคมนี้ ทุเรียนภาคตะวันออกจะเริ่มฤดูกาล ต้องเร่งรัดจุดตรวจ ห้องปฏิบัติการให้บริการกระจายมากที่สุด สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนสึนามิในอุตสาหกรรมทุเรียนไทย” นายอุกฤษฏ์กล่าว

ADVERTISMENT

ล้งใต้บ่นวิกฤตกว่าช่วงโควิด

แหล่งข่าวจากโรงคัดบรรจุ (ล้ง) อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล้งส่งออกไม่ได้ ต้องหยุดสวน0ทุเรียนที่เหมาไว้ ราคา 230 บาท วางมัดจำ 30% แล้วทำสัญญาซื้อขายใหม่ กก.ละ 120-130 บาท วางมัดจำ 10% การรอผลแล็บ 3-5 วันล้งต้องหยุดชะลอการซื้อไปด้วย ปัญหาของล้งถ้าไม่ได้ทำงานเปิดรับซื้อต้องแบกค่าจ้างลูกน้องนับ 100 คน เป็นวิกฤตที่หนักที่สุดที่เคยทำทุเรียนมา 27 ปี หนักกว่าโควิด-19

นำร่อง 5 ล้งตรวจสารก่อนส่งจีน

รายงานจากผู้ประกอบการส่งออกแจ้งว่า การส่งออกทุเรียนในวันที่ 20 มกราคมนี้ เป็นการนำร่องผู้ประกอบการ 5 ราย จำนวน 5 ตู้/ชิปเมนต์ โดยมีการสุ่มเก็บตัวอย่างจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช ส่งเข้าห้องปฏิบัติการ 17 ม.ค.ใช้ทุเรียน 5 ลูกต่อ 1 ตู้ สามารถตรวจทั้ง 2 กลุ่มสารในคราวเดียวกัน ใช้เวลาตรวจสอบ 48 ชั่วโมง ค่าตรวจ Basic Yellow 2 ตัวอย่างละ 4,900 บาท รวม VAT เป็น 5,243 บาท

ตรวจแคดเมียม 1,200 บาท ซึ่งผลตรวจวิเคราะห์ โลหะหนักแคดเมียม ไม่เกิน 0.05 มก./กก. และสาร Basic Yellow 2 ผลวิเคราะห์คือ “ตรวจไม่พบ” และเมื่อนำเข้าจีนสุ่มตรวจ ต้องตรวจไม่พบ เป็นการ Set Zero สร้างความเชื่อมั่น

สั่งห้ามล้งกดราคารับซื้อทุเรียน

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาทุเรียนอย่างใกล้ชิด พบว่าราคารับซื้อทุเรียนช่วงธันวาคม 2567-มกราคม 2568 เกรด ABC เฉลี่ยอยู่ที่ 180-250 บาท/กิโลกรัม ส่วนตกไซซ์อยู่ที่ 60-70 บาท/กิโลกรัม

ทั้งนี้ เกรด ABC มีราคาสูงกว่าปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีราคาอยู่ที่ 160-180 บาท/กิโลกรัม แต่อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการตรวจพบสาร BY2 ของจีน ส่งผลให้ราคาปีนี้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 160 บาท/กิโลกรัม

หากพบว่ามีการกดราคารับซื้อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เพิ่มแล็บตรวจสาร BY2

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมได้กำหนดมาตรการ 4 ไม่ เพื่อควบคุมคุณภาพทุเรียนไทย 2568 ได้แก่ 1.ไม่อ่อน 2.ไม่หนอน 3.ไม่สวมสิทธิ และ 4.ไม่มีสี ไม่มีสารเคมีต้องห้าม
ล่าสุดกรมวิชาการเกษตรได้มีหนังสือถึง GACC แจ้งรายชื่อห้องปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับความสามารถในการทดสอบสาร BY2 จำนวน 6 แห่ง

ได้แก่ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) สาขาเชียงใหม่ สาขาสงขลา สาขากรุงเทพฯ สาขาฉะเชิงเทรา สาขาสมุทรสาคร และ บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) ซึ่งทั้ง 6 แห่ง พร้อมให้บริการในวันที่ 17 มกราคมนี้ มีศักยภาพตรวจได้รวม 700 ตัวอย่าง/วัน ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง

นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าจะมีห้องปฏิบัติการเพิ่มอีก 4 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีศักยภาพตรวจวิเคราะห์เพิ่มอีก 600 ตัวอย่าง/วัน รวมกันกว่า 1,300 ตัวอย่าง/วัน รับมือกับการส่งออกทุเรียนภาคตะวันออกและภาคใต้ได้