
ปัจจุบันหลายจังหวัดมีการขยายตัวด้านการค้า อุตสาหกรรม การลงทุน ส่งผลให้เมือง ชุมชนขยายตัวตาม ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันการเติบโตของเมืองส่งผลกระทบต่อการจราจร สิ่งแวดล้อม น้ำท่วมหนักย่านใจกลางเมือง ฯลฯ
“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “พงษ์นรา เย็นยิ่ง” อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองอธิบดีคนใหม่ในฐานะผู้วางผังเมืองทั่วประเทศถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงาน เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะโลก และสังคมที่เปลี่ยนแปลง
นโยบาย ยุทธศาสตร์
การที่ผมเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง มีเรื่องท้าทาย 2-3 เรื่อง ประการแรก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงในหลายพื้นที่ ขณะที่ภารกิจของกรมในหลายเรื่อง ทั้งการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง การป้องกันน้ำท่วมในที่ชุมชน เป็นสิ่งที่ต้องแก้ปัญหา เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัย และกรมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
ประการที่ 2 เรื่องงบประมาณ ภารกิจของกรมทั้ง 4 ด้าน ด้านผังเมือง ด้านพัฒนาเมือง ด้านอาคาร บริการด้านช่าง ปี 2568 ได้รับงบประมาณ 42,000 ล้านบาท จะเห็นว่างบประมาณเพิ่มขึ้น ภารกิจโครงการก่อสร้างมากขึ้น แต่จำนวนบุคลากร ข้าราชการยังมีเท่าเดิม จึงเป็นความท้าทายที่ต้องเข้ามาบริหาร
แผนพัฒนาระยะสั้น กลาง ยาว
โครงการระยะสั้นหลายโครงการ เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในอาคารที่ทำการ 2 ที่พระราม 6 และพระราม 9 นอกจากนี้มีแผนติดตั้งที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองทั้ง 76 จังหวัด โดยจะดูพื้นที่ที่เหมาะสมและจะตั้งงบประมาณต่อไป, ลดการใช้กระดาษ (Paperless) ให้มากที่สุด, ส่งเสริมข้าราชการใช้รถ EV ได้ติดต่อไปที่การไฟฟ้านครหลวงให้มาติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Station), จะทำคาร์บอนฟุตพรินต์ และมีแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จะนำเทคโนโลยี นวัตกรรม ดิจิทัล มาช่วยทั้ง AI และ BIM (Building Information Modeling) เป็นกระบวนการออกแบบ 3 มิติ เพื่อดำเนินการประมาณราคา ประกวดราคาโครงการที่เพิ่มขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ขออนุญาตออนไลน์ เช่น การขอตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินของผังเมือง ตอนนี้กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มคาดว่าจะเสร็จเดือนเมษายนนี้ กำลังเร่งปรับปรุงระบบฐานข้อมูลไอที รวมถึงได้ออกมาตรฐานงานก่อสร้างของกรมทั้งหมด ต้องใช้ปูนซีมนต์ลดโลกร้อน
ระยะกลาง และระยะยาว
ภารกิจด้านผังเมือง ปัจจุบันใช้พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 มีการกำหนดรายละเอียดมากกว่า พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ. 2518 แยกผังออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) ผังนโยบายการใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดการใช้พื้นที่ใช้เป็นการกำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศ มีผังนโยบายระดับประเทศ ผังนโยบายระดับภาค ผังนโยบายระดับจังหวัด กรมพยายามเน้นย้ำให้กำหนดการใช้ประโยชน์พื้นที่
ทั้ง 3 ผัง ครอบคลุม 6 ด้าน ได้แก่ แผนผังการตั้งถิ่นฐานของชุมชน ที่เหมาะสม ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ, แผนผังโครงการคมนาคมและการขนส่ง, แผนผังโครงการกิจการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการสาธารณะ, แผนผังที่โล่ง, แผนผังแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องเพิ่มการปลูกป่าช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหลักของโลกร้อน
2) ผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ผังเมืองรวม และผังเมืองเฉพาะ (ผังเมืองชุมชน) มีการเพิ่มผังพื้นที่โล่ง และผังน้ำ จะดูเรื่องการตั้งถิ่นฐาน การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับพื้นที่โล่งที่เกิดพื้นที่น้ำหลาก-น้ำนองจากผังน้ำ จะมีการจำลองเมื่อฝนตกจะเกิดพื้นที่น้ำท่วมบริเวณไหน จะกำหนดให้เป็นพื้นที่โล่ง พื้นที่ลุ่มสำหรับรับน้ำหลาก มีการกำหนดโครงการแก้ไขน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน
ในส่วนผังเมืองรวม เมื่อก่อนจะทำเป็นชุมชน คือใน 1 อำเภอมี 4-5 ชุมชน แต่ตอนนี้กำลังทำผังอำเภอ พอเต็มอำเภอแล้วจะยกเลิกผังจังหวัดเดิมออกไป ต่อไปในอนาคตจะมี 878 ผัง จะมีเพียง 4 จังหวัด ที่มีผังเมืองรวมชุมชนครอบเต็มจังหวัดอยู่แล้ว คือ ภูเก็ต สมุทรปราการ นนทบุรี สมุทรสงคราม ยกเว้น กทม. มีผังเต็มอำเภออยู่แล้ว
จังหวัดที่เหลือจะมีผังชุมชน อยู่ตามเขตชุมชน เช่น เทศบาลต่าง ๆ จะมีเป็นจุด ๆ ย่อยลงไป ส่วนนอกเขตผังชุมชน ก็จะมีผังจังหวัดครอบคลุมอยู่ ใน 1 จังหวัดก็จะมีผังเท่ากับจำนวนชุมชนที่มีอยู่ การมองในภาพรวมจะดีกว่า เช่น อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จะระบุไว้ว่าตรงไหนเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่โล่ง ห้ามสร้างอะไร วิเคราะห์ตามข้อมูลผังน้ำของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ตอนนี้ทำเสร็จแล้วกี่อำเภอ
ตอนนี้ทำร่างเสร็จ 5 เมือง คาดว่าจะประกาศเป็นกฎกระทรวงบังคับใช้ภายในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ 1.ผังเมืองรวมชุมชนวังจันทร์ จังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่ อ.วังจันทร์ 2.ผังเมืองรวมเมืองนครปฐม 3.ผังเมืองรวมเมืองสิงห์บุรี
4.ผังเมืองรวมเมืองประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ (บางส่วน)
5.ผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ อ.แม่ริม อ.สันทราย อ.สารภี อ.หางดง อ.ดอยสะเก็ด (บางส่วน) และ อ.สันกำแพง (บางส่วน) จ.เชียงใหม่
ส่วน “ผังเมืองเฉพาะ” อยู่ระหว่างจัดทำร่าง 5 เมือง ได้แก่ 1.ผังเมืองเฉพาะเมืองเก่าสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ 2.ผังเมืองเฉพาะเมืองเก่าจันทบุรี อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี 3.ผังเมืองเฉพาะเมืองเก่าตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 4.ผังเมืองเฉพาะเมืองเก่าพิษณุโลก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก และ 5.ผังเมืองเฉพาะชุมชนปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง
หลายจังหวัดขอแก้ผังเมือง
ตัว พ.ร.บ.ผังเมือง และ พ.ร.บ.อาคาร ที่ผ่านมาออกกฎหมายแล้วใช้พร้อมกันทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันทางกรมจะรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่แต่ละจังหวัด และจะมีการยืดหยุ่นตามความเหมาะสม โดยพิจารณาองค์ประกอบการแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งหมด
นอกจากนี้ เรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จะมีการกำหนดว่าการก่อสร้างอาคาร บริเวณนี้จะมีระยะถอยร่นอย่างไร มีรูปแบบเวลาเกิดดินถล่มจะให้มีแนวปะทะอย่างไร ซึ่งจะมีมาตรฐานการก่อสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม แต่ยังไม่ได้ออกเป็นกฎหมาย ซึ่งมีมาตรฐานอยู่แล้ว จะพยายามผลักดันให้เป็นกฎหมาย
ส่วนกฎหมายผังเมืองก็มีการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยอยู่แล้ว ที่ห้ามตั้งถิ่นฐานหรือห้ามก่อสร้างอย่างไรก็ต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี

อย่างไรก็ตาม กฎหมายผังเมือง เป็นเรื่องของการลิดรอนสิทธิโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ทิศทางการพัฒนาเมืองต้องชัดเจน ไม่ใช่ใครอยากทำอะไรก็ทำได้ ต้องแยกพื้นที่ให้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ชุมชนจะมีกิจกรรมหลักอะไร แล้วจะมีกิจกรรมเสริมอะไรบ้าง ทำแล้วต้องมีเงื่อนไข มีข้อกำหนดตามสีต่าง ๆ พื้นที่สีแดงหรือสีส้มหรือสีเหลือง แต่อย่าไปมองเพียงสีอย่างเดียว อยากทำโรงงาน แต่เป็นสีเขียวบอกว่าทำไม่ได้ ต้องไปดูบัญชีแนบท้ายก่อน ว่าอนุญาตให้ทำได้หรือไม่
หากเรื่องประกาศไปแล้วก็สามารถแก้ไขได้โดยใช้มาตรา 35 การแก้ไขผังเมืองรวมเฉพาะบริเวณหรือเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดให้เหมาะสม เหตุผลคือสภาพกาลที่เปลี่ยนแปลงไปและนโยบายของรัฐบาล และต้องเป็นประโยชน์ของประชาชนในภาพรวม เหตุผลเหล่านี้ก็ขอแก้ไขมาได้ เราจะนำไปพิจารณาแก้ไขประกาศให้กับประชาชน กฎหมายผังเมือง เป็นกฎหมายที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากในหลายขั้นตอน
หลายอำเภอเมืองเกิดภัยพิบัติ
ภารกิจด้านพัฒนาเมือง จะกำหนดรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่เกิดภัย และกำหนดแนวทางลดผลกระทบเรื่องภัยพิบัติ จะมีการก่อสร้างเขื่อน การป้องกันตลิ่งตามแม่น้ำและชายแดน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน ตอนนี้มีพื้นที่ที่มีปัญหา 715 ชุมชน จะมีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว จะตั้งงบประมาณไปสนับสนุน
ปัจจุบันทำไป 200 กว่าชุมชน เหลืออีก 500 กว่าชุมชน มีแผนดำเนินการ และปรับปรุงแผนตลอดเวลา สถานการณ์น้ำท่วมเป็นภัยที่คาดการณ์ไว้ระดับหนึ่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ผลศึกษาอาจไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความรุนแรงที่เกิดขึ้น
การจัดการน้ำท่วมในเขตเมือง มีแนวคิดทำเป็น “เมืองฟองน้ำ” (Sponge City) เป็นการซับน้ำหรือกักเก็บเข้ามาไว้ใต้ดินในช่วงฤดูฝน พอช่วงแล้งก็จะระบายออกมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน เป็นแนวทางที่ใช้สำหรับปรับปรุงภูมิทัศน์ เพราะด้านบนก็เอาไว้ใช้สำหรับพื้นที่สวนสาธารณะ โครงสร้างที่อยู่ใต้ถนนเป็นที่รับน้ำใต้ดิน
เป็นแนวคิดที่หลายประเทศเริ่มใช้กัน เช่น จีน แต่ค่าก่อสร้างอาจจะสูง ซึ่งมีโครงการนำร่องที่ศึกษาไว้หลายพื้นที่ เช่น อ.บางละมุง บริเวณหนองปรือ จ.ชลบุรี มีการตั้งงบประมาณดำเนินการไว้ประมาณ 200-300 ล้านบาท เริ่มประกวดราคาแล้ว เตรียมลงมือก่อสร้าง และ จ.ขอนแก่น อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบที่เหมาะสม เนื่องจากต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ส่วน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้ได้เสนอทำโครงการคันป้องกัน โดยยกถนนสูงขึ้น
ตอนนี้โครงการได้ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้กรมไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเป็นแผนระยะยาว ถ้าศึกษาเสร็จใช้เวลาก่อสร้างอีกหลายปี เสร็จไม่ทันฤดูฝนปีนี้ แต่ในระยะเร่งด่วน รัฐบาลมีโครงการขุดลอกแม่น้ำสาย (ระหว่างประเทศไทย-เมียนมา) จะทำคันชั่วคราวกึ่งถาวร เพื่อลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น
การแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
ภารกิจด้านอาคาร กรมมีหน้าที่ออกกฎกระทรวงดูแลตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ในเรื่องความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การใช้ประโยชน์อาคารต่าง ๆ ตอนนี้พยายามปรับปรุงกฎหมายอาคารให้ทันสมัย และรองรับภาวะโลกร้อน เช่น เรื่องการติดตั้ง Solar Rooftop บนอาคาร ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กก.ต่อตารางเมตร สามารถติดตั้งได้เลย, อาคารขนาดเล็กต้องมีระบบบำบัดน้ำเสีย มีผลใช้บังคับแล้ว, การส่งเสริมให้มีการประกวดอาคารปลอดภัย
ส่วนอีกแนวคิดที่จะทำ คือ อาคารต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงและความปลอดภัยทุกปี ตอนนี้การตรวจสอบอาคาร เช่น อาคารสาธารณะ โรงแรม โรงมหรสพ โรงงาน ป้าย หอพัก คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า เป็นเรื่องที่เจ้าของอาคารต้องยื่นใบขอตรวจสอบกับท้องถิ่นทุกปี โดยมีผู้ที่ได้รับอนุญาตตรวจสอบอาคาร เป็นคนรับรอง แต่ปัญหาคือท้องถิ่นอาจละเลยไม่สนใจ ขณะที่เจ้าของอาคารอาจไม่ได้มายื่นขอตรวจสอบเช่นกัน และท้องถิ่นไม่ได้ไปเตือน
ดังนั้น กรมกำลังทำแพลตฟอร์มสำหรับอัพเดตข้อมูลอาคารที่ต้องตรวจสอบ ต่อไปมีอาคารที่ไหน อยู่ในท้องถิ่นไหน จะมีการมอนิเตอร์ไปแจ้งเตือน เช่น ครบ 1 ปีแล้ว พนักงานท้องถิ่นต้องแจ้งเตือนเจ้าของอาคารให้มาตรวจสอบตามกฎหมาย จะได้ช่วยท้องถิ่นติดตามไม่ให้หลงลืม รวมถึงการตรวจสอบเรื่องป้ายขนาดใหญ่ ซึ่งมีข่าวอุบัติเหตุให้เห็นบ่อย ๆ
เรื่องผังเมืองต้องสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ จะอนุรักษ์อย่างเดียวก็ไม่ได้ จะพัฒนาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามการรับฟังความเห็นของประชาชน การขีดเส้นที่ต้องขีดขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องยาก จะทำอย่างไรให้ไปด้วยกันได้ นี่คือเรื่องของผังเมือง การสร้างความสมดุลจึงเป็นเรื่องสำคัญ อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนเวลาจะซื้อที่ดิน หรือทำอะไรสักอย่าง ขอให้ตรวจสอบผังเมืองก่อน เพราะตอนนี้ผังเราครอบคลุมทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ ผังเมืองกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินไว้อย่างชัดเจนว่าทำอะไรได้ ห้ามทำอะไร
ดังนั้นการจะไปลงทุนซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน สร้างหมู่บ้านจัดสรร ทำโรงแรม ขอให้ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายผังเมืองให้เรียบร้อยก่อน ไม่ใช่เห็นที่ถูก ๆ ก็ซื้อไป กลายเป็นพื้นที่โล่ง หากทางกรมกำหนดไว้ในผังเมืองทำอะไรไม่ได้เลย แล้วบอกให้เราแก้ เราก็ทำอะไรไม่ได้ จะมาวิ่งแก้ตามมาตรา 35 ทุกกรณีคงแก้ไม่ได้ เพราะตรงนี้เป็นพื้นที่โล่ง พื้นที่รับน้ำ หากเราแก้ให้ไป ไม่มีเหตุผลในการแก้ไข เราไปแก้ไข ข้าราชการก็ทำผิดกฎหมาย มาตรา 157 เหมือนกัน