
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : กฤษณา ไพฑูรย์
ยังปั่นป่วนกันอย่างหนักในวงการทุเรียนมูลค่ากว่าแสนล้านบาทตลอดปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2568 ตั้งแต่ที่สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ตรวจพบทุเรียนไทยปนเปื้อนสาร “แคดเมียม” และสารย้อมสี Basic Yellow 2 หรือ BY2 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเป็น “สารก่อมะเร็ง” พร้อมออกข้อกำหนดว่า ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ให้ทุเรียนไทยทุกลอตที่ส่งออกไปจีนต้องแนบผลวิเคราะห์ว่า ปลอดสารแคดเมียมและสารย้อมสี BY2
ทำให้ “เทศกาลตรุษจีน” ปีนี้ ผู้ส่งออกไทยฝันสลายทันที จากที่ปกติผู้ส่งออกเตรียมยิ้มรับทรัพย์กันเต็มกระเป๋า เพราะเทศกาลตรุษจีน พ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดภายในประเทศ และส่งออกไปตลาดจีน ต่างจะฉวยโอกาส “ฟันราคา” กันสูงลิ่ว
ปีนี้เทศกาลตรุษจีนที่มาเร็วกว่าทุกปี ช่วงประมาณวันที่ 27-29 มกราคม 2568 และต้องมาเผชิญปัญหาการปนเปื้อนสารเคมีทั้งแคดเมียม และสารย้อมสี ในเวลาที่จำกัด ทำให้ทุกฝ่ายต่างร้อนรนว่าจะทำอย่างไรที่จะหาทางส่งออกทุเรียนปลอดสารเคมีไปขายตลาดจีนได้ทัน ขณะที่ห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ต่างไม่มีความพร้อม
แต่ในที่สุดก็ดัน 2 บริษัทห้องปฏิบัติการสามารถตรวจสอบสารย้อมสี BY2 ได้ทัน แต่สามารถส่งออกทุเรียนไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 2 สาร (แคดเมียม+BY2) รวมกันประมาณ 6,800 บาทต่อตัวอย่าง จะค่อนข้างสูง แต่ถือว่าคุ้มค่า เพราะช่วงนี้ขายได้ราคาดี
สิ่งสำคัญที่ผู้ส่งออกกังวลหนัก ขณะนี้คือ ผลผลิตทุเรียน 1 ล้านกว่าของฤดูกาลภาคตะวันออกที่กำลังจะทยอยออกมา
โดยเฉพาะช่วงพีกที่ผลผลิตออกมากประมาณเดือนพฤษภาคม ปกติทุกปีจะส่งออกเฉลี่ย 1,000 ตู้ต่อวัน บริษัทตรวจสอบที่ทยอยเพิ่มขึ้นจะทำกันได้ทันหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังคนที่แนะนำสีมาย้อมทุเรียน คือ คนจีน ช่วงแรก ๆ บอกตลาดจีนชอบสีเหลือง คนไทยก็ย้อมขมิ้นสีธรรมชาติไปขายให้ ต่อมาคนจีนก็บอกว่า ตลาดจีนชอบสีเขียว พร้อมนำเสนอสารย้อมสี BY2 มาขายให้ ตั้งแต่ 3-4 ปีมาแล้ว ทำไมจีนไม่ตรวจตั้งแต่ 3-4 ปีที่นำมาใช้ ถ้าอันตรายไม่มีใครอยากใช้
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมทางการไทยจึงไม่ตรวจเข้มกับสินค้า “ผักและผลไม้” ของจีน ที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยบ้าง
กรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกมาแจ้งผลทดสอบสารเคมีเกษตรใน “องุ่นไชน์มัสแคต” ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่นำเข้ามาจากจีน พบว่าองุ่น 95.8% ที่สุ่มตรวจเจอสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน และตรวจพบสารพิษตกค้างทั้งหมด 50 ชนิด
ดังนั้น สินค้าผักและผลไม้จีนที่นำเข้ากันมามากมาย น่าจะแฝงด้วยสารเคมีไม่ใช่น้อย แต่ที่น่าอดสูใจ เรากลับได้ยินประโยคจากข้าราชการและผู้ใหญ่ในภาคเอกชนไทยบางคนบอกว่า อย่าไปกล่าวโจมตีจีนมาก เราต้องง้อส่งสินค้าต่าง ๆ ให้ตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของสินค้าหลายตัว เดี๋ยวจะกลายเป็นผลกระทบระหว่างประเทศ
แม้ว่าคนไทยต้องกลืนกินสารเคมีที่เป็นพิษ…อย่างนั้นหรือ