
“มาเลย์-สิงคโปร์-เกาหลี-อินเดีย” บุกพัทลุง ขอซื้อกล้วยหอมทอง แต่ผลิตไม่พอขาย ชงผู้ว่าฯหนุนปลูกเพิ่ม วางเป้าหมาย 150,000 ต้น
นายอาคม ดิษฐสุวรรณ เจ้าของสวนลุงคมผลไม้ปลอดภัย ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศมีความต้องการผลผลิตกล้วยหอมทองจำนวนสูงมาก
โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี และอินเดียได้ติดต่อขอซื้อกล้วยหอมทองเข้ามาที่สวนจำนวนมาก แต่ทางสวนไม่มีปริมาณผลผลิตเพียงพอที่จะส่งออกได้ เนื่องจากปัจจุบันสวนลุงคมเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 2-3 ตันต่อวัน
ขณะที่ความต้องการเฉพาะตลาดในภาคใต้ด้วยกัน ประมาณ 10 ตันต่อวัน ดังนั้นทางกลุ่มจะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เพื่อให้สนับสนุนโครงการปลูกกล้วยหอมทอง และจะนำเสนอให้จังหวัดพัทลุง เป็นเมืองกล้วยแห่งประเทศไทย เนื่องจากกล้วยหอมทองมีทิศทางการตลาดที่ดี
ตอนนี้สวนลุงคมปลูกกล้วยหอมทองส่งขายตลาดจังหวัดในภาคใต้ด้วยกันไม่เพียงพอแล้ว เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกวันนี้ส่งได้ประมาณ 1 ตัน/วัน ส่งขาย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ประมาณ 1-2 ตัน/วัน ขณะความต้องการรวมกันมากกว่า 10 ตันต่อวัน นอกจากนี้ยังมีตลาดต่างประเทศมีความต้องการ ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี และอินเดีย ได้ติดต่อประสานงานเข้ามา
โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ได้ประสานงานมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ทางสวนไม่มีสินค้าที่จะจัดส่งให้ได้ โดยกล้วยหอมทองนอกจากบริโภคสดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลายผลิตภัณฑ์ เช่น ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นำไปทำขนมโรตีกล้วยหอม ขนมเค้กกล้วยหอม ฯลฯ และมีการประสานงานในการซื้อกล้วยหอมทองแปรรูปเป็นไวน์ นายอาคมกล่าว
ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดพัทลุงมีการปลูกกล้วยหอมทอง ประมาณ 60,000 ต้น สำหรับสวนลุงคมปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่ 10 ไร่ ประมาณ 4,000 ต้น ขณะที่ภาพรวมของตลาดความต้องการถึง 200,000 ต้น ถึงจะเพียงพอกับตลาด ดังนั้นทางสวนลุงคมจึงได้ทำการรวบรวมกล้วยหอมทองของเครือข่ายทั้งในจังหวัดพัทลุงเอง และจังหวัดต่าง ๆ เช่น จ.กระบี่ จำนวน 10,000 ต้น จ.ตรัง 7,000 ต้น จ.สตูล 2,000 ต้น รวมถึง จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อส่งขายตลาดพื้นที่ภาคใต้
“กล้วยหอมทองที่ปลูกในพัทลุงมีความพิเศษ อร่อยแตกต่างจากกล้วยหอมในพื้นที่อื่น เนื่องจากได้รับน้ำจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ที่ไหลลงมาจะมีแร่ธาตุธรรมชาติสำคัญ ส่งผลให้กล้วยหอมทองมีรสชาติหวาน หอม เหนียวจึงต้องส่งเสริมการปลูกเพิ่ม โดยเกษตรกรผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการภายใต้นโยบาย ‘ร่วมกันคิด แยกกันทำ ร่วมกันขาย’ โดยกำหนดเป้าหมายต้องการปลูกเพิ่มให้ได้ 150,000 ต้นใช้พื้นที่ประมาณ 375 ไร่ หรือประมาณ 400 ต้น ต่อไร่
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ค้ากล้วยจังหวัดพัทลุงเปิดเผยว่า กล้วยหอมทองมีความต้องการสูงมากในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ ทั้งหาดใหญ่ สงขลา ภูเก็ต และห้างโมเดิร์นเทรด ตลอดจนตลาดในต่างประเทศ ดังนั้น พ่อค้าในภาคใต้นอกจากรวบรวมจากสวนในพื้นที่ภาคใต้ด้วยกันแล้ว พ่อค้าบางรายต้องหาซื้อไปถึงแหล่งปลูกกล้วยหอมทองในภาคอีสาน ฯลฯ ซึ่งมีราคาขายส่งประมาณ 13 บาท/กก. ส่วนที่ จ.พัทลุง ราคา 18-22 บาท/กก.”
นายจิระวัฒน์ ภักดี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชผักปลอดสารพิษตำบลปากแตระ อ.ระโนด จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตลาดกล้วยหอมทองในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เฉพาะในส่วนตลาดโมเดิร์นเทรด ยอดจำหน่ายประมาณ 3 ตัน/วัน ยังไม่รวมถึงร้านค้าประเภทต่าง ๆ มีมูลค่าเงินหมุนสะพัดเข้าสู่เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองไม่ต่ำกว่า 75,000 บาท/วัน หรือประมาณ 27 ล้านบาท/ปี
และเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดค่าการตลาดจะปรับตัวถึง 25% สำหรับตลาดกล้วยหอมทองถือว่ามีทิศทางตลาดที่ดีมาตลอดหลายปี ตลาดผู้บริโภคกว้าง แต่ยังมีผู้ปลูกน้อย ขณะนี้จึงมีผู้ต้องการปลูกกล้วยเพิ่มสูงขึ้นจากราคาที่จูงใจ
“จังหวัดพัทลุงมีศักยภาพปลูกกล้วยหอมทองได้ดี เพราะสภาพภูมิอากาศฝนมากกว่าแล้ง เนื่องจากอยู่ระหว่างมรสุมฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามันที่พัดเข้าสู่เทือกเขาบรรทัด โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ 1 ครั้ง คือระยะ 8 เดือนต่อการเก็บเกี่ยวต่อรอบ”
สำหรับในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชผักปลอดสารพิษตำบลปากแตระมีออร์เดอร์หน่อกล้วยหอมทองจำนวน 20,000 หน่อ จะส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยขณะนี้หน่อกล้วยราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 20-30 บาท ปรับขึ้นจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10 บาทต่อหน่อ สำหรับผู้ปลูกกล้วยหอมทองเมื่อซื้อหน่อกล้วยในครั้งแรก ต่อไปเมื่อได้ผลผลิตแล้ว ยังสามารถได้หน่อกล้วยที่แตกออกมา เพื่อนำไปขยายการปลูกต่อได้