
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำคณะทำงานลงพื้นที่ อ.สะเดา เตรียมพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมไทย-มาเลเซีย เสริมความคล่องตัวการค้าชายแดน
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำคณะทำงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 และเดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน รวมถึงความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างด่านศุลกากรสะเดาและด่านบูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย
นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่าในส่วนของการดำเนินการที่ด่านสะเดา ได้มีการย้ายด่านเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการ โดยการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เริ่มต้นแล้ว และกำลังจัดทำแผนประมาณการงบประมาณเพื่อขอการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยพื้นที่เชื่อมต่อระยะทาง 300 เมตร ที่จะทำให้เส้นทางสะดวกขึ้นและสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้งบประมาณประมาณจำนวน 28 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนการพัฒนาเส้นทางที่ผ่านด่านระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยให้รถบรรทุกขนาดใหญ่สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกมากขึ้น โดยต้องใช้งบประมาณประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดสงขลาได้ขอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินการ
ในส่วนของการสร้างด่านใหม่จะมีการก่อสร้างรั้วเขตแดนเป็นงานระยะที่ 3 ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะมีการประสานงานกับทาง สมช. หากได้รับการสนับสนุนงบประมาณและเส้นทางระยะ 300 เมตรเสร็จสิ้น การดำเนินการทั้งหมดจะสามารถเสร็จได้ภายใน 180 วัน ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศให้เป็นระบบโลจิสติกส์ที่สะดวกยิ่งขึ้น การขนส่งสินค้าจากภาคเหนือไปยังภาคใต้และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน และท่าเรือประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญทางบก
“สำหรับด่านปัจจุบันนั้นยังไม่ได้ปิดทำการจนกว่าจะเสร็จสิ้นการก่อสร้างถนนเชื่อมใหม่ ในขณะเดียวกันจังหวัดสงขลาได้ดำเนินการซักซ้อมเพื่อให้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของด่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับหาจุดอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแก้ไขให้เกิดความสะดวกในการใช้งาน ขณะเดียวกันด่านฝั่งไทยจะมีการเพิ่มกำลังคนและงบประมาณ เพื่อให้สามารถจัดการกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการลดต้นทุน ปริมาณ และการใช้งบประมาณ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรบุคคลในการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวทิ้งท้าย